ASTVผู้จัดการรายวัน – บลจ.นครหลวงไทย เดินหน้าขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ต่อเนื่อง ตั้งเป้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 กองทุน ล่าสุด ปรับกลยุทธ์ หันลงทุนในสกุลเงินวอนแทน หลังผลตอบแทนกลับมาอยู่ระดับใกล้เคียงกัน ด้านพอร์ตกองทุนหุ้น ใส่เงินลงทุนเต็มสัดส่วนในหุ้นประมาณ 20-30 ตัว ระบุตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นตั้งแต่ต้นปีแล้ว ลุ้นมีโอกาสปรับขึ้นไปถึงระดับ 700 จุดได้
นางศันสนีย์ หุตานุวัตร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง แต่ได้เปลี่ยนการลงทุนจากพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนในสกุลเงินวอนของประเทศเกาหลีเอง เนื่องจากมีการยกเว้นภาษีและการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการลงทุนในสกุลเงินวอนแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้จะมีอัตราผลตอบแทนลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนอยู่ที่ 5% ต่อปี ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 2.6% ต่อปีเท่านั้น แต่ผลตอบแทนยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนหมดความกังวลเรื่องความเสียงในการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap :CDS) ของรัฐบาลเกาหลีใต้ จากการลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินวอนแล้ว จากเดิมที่กังวลว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะลงทุนในตราสารสกุลเงินวอน แต่หลังจากเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่กังวลไว้ ประกอบกับผลตอบแทนพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง จึงทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในตราสารสกุลเงินวอนเพิ่มขึ้น
“การลงทุนในสกุลเงินวอนไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งก่อนหน้านี้เราลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสกุลเงินวอน แต่ปัจจุบันผลตอบแทนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง ซึ่งความเสี่ยงของค่าเงินสกุลเงินวอนนั้นมีเพียงเกาหลีใต้ปิดประเทศไม่ให้นักลงทุนเอาเงินออกนอกประเทศเท่านั้น และเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยาก” นางศันสนีย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้จะเริ่มน้อยลงแล้ว จากเดิมมีส่วนต่างเมื่อเทียบกับในไทยประมาณ 3-4% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 1% ทำให้ความน่าสนใจเริ่มลดลง แต่ทั้งนี้เราก็ยังมีแผนที่จะออกกองทุนเกาหลีอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีออกไปแล้วประมาณ 10 กว่ากอง และจากนี้ไปคงมีอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 กอง รวมถึงแผนออกกองอสังหาริมทรัพย์อีกหนึ่งกอง
ส่วนการที่ภาครัฐมาจะออกตราสารหนี้มาระดมทุนจากประชาชน บริษัทจะรอดูว่าจะภาครัฐจะเสนอผลตอบแทนสูงหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่พันธบัตรออมทรัพย์ของภาครัฐอนุญาตให้รายย่อยเข้าลงทุนก่อน และไม่อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันเข้าลงทุน โดยที่ผ่านมาผลตอบแทนของตราสารหนี้เคลื่อนไหวประมาณ 0.30 – 0.40% ต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณผลตอบแทนที่มาก และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาแทรกแซง แต่กลับไม่สามารถช่วยได้มากนัก
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นให้มากขึ้น เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจและหุ้นมีราคาถูก ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไม่ได้แย่มากนัก แต่ทั้งนี้ต้องระมัดระวังปัจจัยที่อาจจะเกิดขึ้น หากสถานการณ์ไม่ดีอาจจะมีการขายออกไปเพื่อสร้างกำไรได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ที่ซื้อไว้ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแล้ว
“สัดส่วนการลงทุนในกองหุ้นเรา Fully ไปนานแล้ว โดยลงทุนประมาณ 20-30 ตัว เนื่องจากเรามองภาวะตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว แม้ว่าราคาหุ้นจะถูก แต่สัดส่วนราคาต่อกำไร (PE) ยังแพง” นางสาววรรณจันทร์ กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นจะขึ้นไปถึงระดับ 700 จุดได้ โดยพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 52 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ที่จะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในปีนี้ได้ปรับลดลงไปถึงจุดที่ต่ำสุดแล้ว โดยมองระดับแนวรับที่ 550 จุด
อย่างไรก็ดี ภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้ยังมีความผันผวนอยู่บ้าง เนื่องจากการเก็งกำไรของนักลงทุน อาจส่งผลทำให้ดัชนีปรับลดลงได้บ้าง ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตเลยและยังไม่กล้าเสี่ยงในตลาดหุ้น แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าไปซื้อตอนนี้ ส่วนนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยง แนะให้เป็นการลงทุนระยะยาวและเลือกหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี
ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่ยังได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อการ บันเทิง และโรงไฟฟ้า ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่แพร่ระบาดในปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบตลาดหุ้นมากนัก โดยที่ผ่านมา เมื่อเกิดไข้หวัดนกส่งผลกระทบแค่ระยะสั้นเพียง 3 เดือนเท่านั้น และสามารถผ่านจุดนั้นมาได้
นางศันสนีย์ หุตานุวัตร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง แต่ได้เปลี่ยนการลงทุนจากพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนในสกุลเงินวอนของประเทศเกาหลีเอง เนื่องจากมีการยกเว้นภาษีและการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการลงทุนในสกุลเงินวอนแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้จะมีอัตราผลตอบแทนลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนอยู่ที่ 5% ต่อปี ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 2.6% ต่อปีเท่านั้น แต่ผลตอบแทนยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนหมดความกังวลเรื่องความเสียงในการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap :CDS) ของรัฐบาลเกาหลีใต้ จากการลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินวอนแล้ว จากเดิมที่กังวลว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะลงทุนในตราสารสกุลเงินวอน แต่หลังจากเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่กังวลไว้ ประกอบกับผลตอบแทนพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง จึงทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในตราสารสกุลเงินวอนเพิ่มขึ้น
“การลงทุนในสกุลเงินวอนไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งก่อนหน้านี้เราลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสกุลเงินวอน แต่ปัจจุบันผลตอบแทนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง ซึ่งความเสี่ยงของค่าเงินสกุลเงินวอนนั้นมีเพียงเกาหลีใต้ปิดประเทศไม่ให้นักลงทุนเอาเงินออกนอกประเทศเท่านั้น และเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยาก” นางศันสนีย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้จะเริ่มน้อยลงแล้ว จากเดิมมีส่วนต่างเมื่อเทียบกับในไทยประมาณ 3-4% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 1% ทำให้ความน่าสนใจเริ่มลดลง แต่ทั้งนี้เราก็ยังมีแผนที่จะออกกองทุนเกาหลีอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีออกไปแล้วประมาณ 10 กว่ากอง และจากนี้ไปคงมีอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 กอง รวมถึงแผนออกกองอสังหาริมทรัพย์อีกหนึ่งกอง
ส่วนการที่ภาครัฐมาจะออกตราสารหนี้มาระดมทุนจากประชาชน บริษัทจะรอดูว่าจะภาครัฐจะเสนอผลตอบแทนสูงหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่พันธบัตรออมทรัพย์ของภาครัฐอนุญาตให้รายย่อยเข้าลงทุนก่อน และไม่อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันเข้าลงทุน โดยที่ผ่านมาผลตอบแทนของตราสารหนี้เคลื่อนไหวประมาณ 0.30 – 0.40% ต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณผลตอบแทนที่มาก และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาแทรกแซง แต่กลับไม่สามารถช่วยได้มากนัก
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นให้มากขึ้น เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจและหุ้นมีราคาถูก ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไม่ได้แย่มากนัก แต่ทั้งนี้ต้องระมัดระวังปัจจัยที่อาจจะเกิดขึ้น หากสถานการณ์ไม่ดีอาจจะมีการขายออกไปเพื่อสร้างกำไรได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ที่ซื้อไว้ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแล้ว
“สัดส่วนการลงทุนในกองหุ้นเรา Fully ไปนานแล้ว โดยลงทุนประมาณ 20-30 ตัว เนื่องจากเรามองภาวะตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว แม้ว่าราคาหุ้นจะถูก แต่สัดส่วนราคาต่อกำไร (PE) ยังแพง” นางสาววรรณจันทร์ กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นจะขึ้นไปถึงระดับ 700 จุดได้ โดยพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 52 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ที่จะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในปีนี้ได้ปรับลดลงไปถึงจุดที่ต่ำสุดแล้ว โดยมองระดับแนวรับที่ 550 จุด
อย่างไรก็ดี ภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้ยังมีความผันผวนอยู่บ้าง เนื่องจากการเก็งกำไรของนักลงทุน อาจส่งผลทำให้ดัชนีปรับลดลงได้บ้าง ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตเลยและยังไม่กล้าเสี่ยงในตลาดหุ้น แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าไปซื้อตอนนี้ ส่วนนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยง แนะให้เป็นการลงทุนระยะยาวและเลือกหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี
ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่ยังได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อการ บันเทิง และโรงไฟฟ้า ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่แพร่ระบาดในปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบตลาดหุ้นมากนัก โดยที่ผ่านมา เมื่อเกิดไข้หวัดนกส่งผลกระทบแค่ระยะสั้นเพียง 3 เดือนเท่านั้น และสามารถผ่านจุดนั้นมาได้