xs
xsm
sm
md
lg

สร้างวินัยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย หนีความเสี่ยง ลดความผิดพลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 การลงทุนของนักลงทุนในปัจจุบันยังพบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีปัญหาอยู่มากและปัญหาเหล่านั้น เป็นตัวปั่นทอนประสิทธิภาพการลงทุนของนักลงทุนลงไป ส่งผลให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งปัญหาเหล่านี้กลับยังคงอยู่คู่กับการลงทุน  ทั้งนี้ ผลสำรวจพฤติกรรมของนักลงทุนประจำปี โดย ดัลบาร์  อิงค์ นั้นได้เปิดเผยถึงเรื่องอคติและกรณีศึกษาการลงทุนอย่างเป็นระบบ ดังนี้
  ผลสำรวจเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมนักลงทุนในเชิงปริมาณซึ่งจะอธิบายสถิติที่น่าแปลกใจ
จากรูปข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ดัชนีตลาดหุ้นซึ่งที่ 12.2% นั้นหากนำเงิน 1,000 เหรียญไปลงทุนในปี 2527 จนถึงปี 2545 จะได้ผลตอบแทน 7,900 เหรียญ ขณะที่การลงทุนผ่านกองทุนรวมนั้น โตขึ้น 9.3% คิดเป็น 5,000 เหรียญ และสุดท้ายหากลงทุนด้วยตนเองนั้น จะเติบโตเพียง 2.6% และได้รับผลตอบแทนเพียง 1,600 เหรียญเท่านั้น

 อคติมีผลกระทบอย่างไรต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน
 ดัลบาร์  อิงค์ พบว่า อคติ มีผลกระทบต่อการลงทุน โดยอคตินั้น คือ
- อคติเป็นความลำเอียงหรือความโน้มเอียง ซึ่งขัดขวางการตัดสินอย่างเที่ยงธรรม
- อคติเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร
- อคติมักจะก่อให้เกิดการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาด
 ซึ่งอคติ 4 ประเภทที่ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด นั้นได้แก่
 - การหลอกตนเอง (เชื่อมั่นตนเองมากไป, การมองสถานการณ์ไม่รอบด้าน, การตีความตามกรอบความคิดส่วนตัว, การคาดการณ์อดีต)
 - การพิจารณาเรื่องที่ยากเป็นเรื่องที่ง่าย (การพิจารณาอย่างแคบๆ, การยึดถือตามความเห็นส่วนใหญ่, การพิจารณาตามกรอบการนำเสนอ, การพิจารณาตามกรอบความรู้ส่วนตัวที่มีจำกัด)
 - ความรู้สึก (อารมณ์, การควบคุมตนเอง, การหลีกเลี่ยงความลังเล, ความกลัวที่จะต้องเสียใจภายหลัง)
-  การตอบสนองต่อสังคม (การเลียนแบบ, การรับความคิดจากสังคม, การทำตามผู้นำ, การหาแนวร่วมในสังคม)
 ขณะเดียวกันเรื่องของความชอบและไม่ชอบตามธรรมชาติของมนุษย์นั้น ก็ส่งผลถึงการลงทุนเช่นเดียวกัน

- ความโน้มเอียงตามธรรมชาติทำให้เราสนใจการลงทุนที่มีผลงานดี ผ่านการแนะนำจากเพื่อน หรือมีความใหม่ และน่าตื่นเต้น
- ความโน้มเอียงตามธรรมชาติทำให้เราไม่สนใจการลงทุนที่น่าเบื่อ เรียบง่าย งานมาก และมีผลงานไม่ดี

  จากเรื่องของอคตินั้นได้นำความผิดพลาดในการลงทุนมาให้พบเห็นได้บ่อยๆ นั่นคือ
- ซื้อหุ้นหลังจากราคาปรับขึ้นมาก
- ทำตามคำแนะนำจากเพื่อนหรือผู้เชี่ยวชาญ
- ซื้อหุ้นที่หวือหวา
- ไม่เข้าใจในธุรกิจของบริษัท
- ไม่ปรับพฤติกรรมการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายและระยะเวลาของการลงทุน
- โน้มเอียงที่จะลงทุนในบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาด (เช่น ซื้อหุ้นที่เปิดขายต่อสาธารณะครั้งแรก)
 เมื่อเราทราบถึงปัญหาและข้อผิดพลาดจากการลงทุนแล้ว การเลือกปรับรูปแบการลงทุนอย่างมีระบบเพื่อหลีกหนีปัญหาเหล่านั้นจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นสำหรับนักลงทุน
 การลงทุนอย่างเป็นระบบ – ปราศจากอคติในกระบวนการตัดสินใจ ดังนั้นการลงทุนอย่างเป็นระบบส่งผลให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับผลตอบแทที่ดีได้ โดยการลงทุนอย่างเป็นระบบนั้นคือ
 - การตัดสินใจโดยมีวัตถุประสงค์เป็นหลัก (ปราศจากอคติ) ไม่ใช้ความรู้สึก (มีอคติ)
 - มีกระบวนการตัดสินใจ (ปราศจากอคติ) กับการใช้ความรู้สึกตัดสิน (ใช้อารมณ์)
 - ตัวอย่างการลงทุนอย่างเป็นระบบ คือ อัตราส่วนราคาต่อกำไร วิธีลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน และการลงทุนแบบสุ่มเลือก (ปาลูกดอกเพื่อเลือกบริษัทที่จะลงทุน)
 วิธีลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Averaging – DCA) วิธีลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน เป็นการนำเงินทุนไปลงทุนเป็นงวด ๆ (เช่นทุกเดือน) ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันในกองทุนหนึ่ง หรือในหลักทรัพย์หนึ่งๆ โดยไม่คำนึงถึงราคาหุ้นในตลาด วิธีนี้จะสามารถซื้อหุ้นได้มากขึ้นเมื่อราคาหุ้นตก และซื้อหุ้นได้น้อยลงเมื่อราคาขึ้น
โดยจำนวนเงินที่เท่ากันในแต่ละงวดสามารถเพิ่มขึ้นได้ทุกปีตามการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน หรือตามรายได้ที่ใช้จ่ายได้หลังหักภาษีแล้วซึ่งจากการสำรวจ พบว่าวิธีการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนจะให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนทั่วๆไปของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งมักจะตามกระแสตลาด คือซื้อหุ้นเมื่อราคาขึ้น และขายหุ้นเมื่อราคาตกขณะเดียวกัน วิธีการลงทุนแบบเป็นระบบ เช่น วิธีการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน หรือแบบสุ่มเลือกจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าวิธีการลงทุนแบบไม่มีระบบ ซึ่งนักลงทุนจะใช้ความรู้สึกและอคติที่มีตามธรรมชาติเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ
 โดยการลงทุนแบบเป็นระบบให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนทั่วๆไปของนักลงทุนรายย่อย ดังรูปด้านล่าง ซึ่งแสดงให้ห็นว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2531 – 2550 การลงทุนอย่างเป็นระบบในตลาดหุ้นทำกำไรได้มากกว่านักลงทุนทั่วไปในตลาดหุ้น 50%
ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้พบว่า นักลงทุนทั่วๆ ไปถูกแรงดึงดูดให้เข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่ราคาขึ้นไปสูง แต่ต้องขายหุ้นทิ้งในอีกไม่กี่ปีต่อมาในราคาที่ใกล้ถึงจุดต่ำสุดขณะเดียวกันในช่วงที่ตลาดแกว่งตัวสูงที่สุด มักเกิดความผิดพลาดในการลงทุนที่มากที่สุด
  Monthly Investment Plan
 แผนการลงทุนรายเดือน  (Monthly Investment Plan : MIP) เป็นรูปแบบการลงทุนที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด ได้แนะนำให้แก่นักลงทุน ซึ่งเป็นแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยยอดเงินลงทุนที่เท่ากันทุกๆเดือน ช่วยทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น
ทั้งนี้ประโยชน์ของแผนการลงทุนรายเดือน คือ วิธีการลงทุนที่คุณควบคุมได้ ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการลงทุนได้หลายประการซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
 หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทนัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด  ชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ บอกว่า การลงทุนที่มีข้อผิดพลาดต่างๆนั้น ทำให้นักลงทุนไม่เป็นนักลงทุน แต่กลับเป็นนักเก็งกำไร ที่แย่กว่านั้นกลายเป็นนักเก็งตัวเลข ซึ่งอันตรายมาก เพราะดูแต่ตัวเลขไม่ดูปัจจัยในด้านอื่นเลย  ดังนั้น นักลงทุนควรมีการลงทุนอย่างเป็นระบบด้วยวิธีการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนหรือหลักทรัพย์สินหนึ่งๆในจำนวนที่เท่ากันในแต่ละงวด โดยไม่ต้องคำนึงราคาหุ้นในตลาด วิธีนี้ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้มากขึ้นเมื่อราคาหุ้นตก และซื้อหุ้นได้น้อยลงเมื่อราคาขึ้นโดยการลงทุนด้วยวิธีนี้จะให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนทั่วๆไปของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งมักจะตามกระแสตลาด คือซื้อหุ้นเมื่อราคาขึ้น และขายหุ้นเมื่อราคาตก
 "เนื่องจากทิศทางของตลาดหุ้นนั้น แม้จะมีความผันผวนแต่ราคาของหุ้นนั้นยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งการลงทุนในหุ้นโดยการเฉลี่ยลงทุนจะทำให้ซื้อหุ้นได้ทุกราคา และทำให้ในระยะยาวนักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า"  หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน ระบุ
 สำหรับข้อดีของแผนการลงทุนรายเดือนนั้น ได่แก่
- เหมาะกับการลงทุนในกองทุนรวม เพราะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ด้วยจำนวนเงินลงทุนรายเดือนคงที่ตามจำนวนงวดที่ท่านกำหนดไว้ในแผน
- ท่านสามารถเลือกที่จะเริ่มหรือหยุดการลงทุนตามแผนได้โดยไม่มีค่าปรับ
- การกำหนดจำนวนเงินลงทุนรายเดือนสามารถปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยพิจารณาจากฐานะการเงินและเป้าหมายของแต่ละบุคคล
- ช่วยสร้างวินัยให้การลงทุนของท่าน
 
โดยสรุปแล้ว การลงทุนนั้น นักลงทุนควรเข้าใจในอคติที่คุณมี และอคตินี้จะทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมในการลงทุนอย่างไร ขณะเดียวกันควรเข้าใจว่าในช่วงที่ตลาดแกว่งตัวอย่างรุนแรง มักจะเกิดการตัดสินใจในการลงทุนที่สำคัญและควรใช้วิธีการลงทุนอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแบบประจำทุกเดือน หรือวิธีการอื่นๆ รวมถึงนักลงทุนเอง ควรมีวินัยและเข้มแข็ง  เพราะตลาดหุ้นอาจปรับลดลงไปได้ อีกซึ่งหวังว่าเนื้อหาในวันนี้ คงเป็นประโยชน์กับบรรดานักลงทุนทั้งหลายในยามที่ตลาดหุ้นมีปัจจัยหลากหลายเข้ามากระทบตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น