xs
xsm
sm
md
lg

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นผล ส่งตลาดหุ้นจีนน่าลงทุนที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    ต้องบอกว่ากูรูเศรษฐกิจทั่วโลก เห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกินแดนมังกร จะสามารถขยายตัวได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้...ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับจีน ไม่ใช่ว่าเป็นโชคดีอะไร เพราะจีนเองก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเช่นกัน (ด้วยความที่เป็นผู้ส่งออกอันดับต้นๆ ของโลก) แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนต่างหาก เป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจจีน ยังยืนตระหง่าน และทานวิกฤตในปัจจุบันได้
         
          ปัจจัยดังกล่าว ทำให้จีน เป็นเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนทั่วโลก ในการเข้าไปหาโอกาสสร้างผลตอบแทนจากความคาดหมายว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นเร็วกว่าใครในโลก เช่นเดียวกับ "เอชเอสบีซี" ที่เปิดเผนยผลการสำรวจล่าสุดพบว่า...ผู้จัดการกองทุนมองอนาคตตลาดหุ้นจีนสดใส
         
          โดยเอชเอสบีซี เผยผลสำรวจความคิดเห็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำทั่วโลกที่ธนาคารเอชเอสบีซีจัดทำขึ้นทุกไตรมาส พบว่า 3 ใน 4 หรือร้อยละ75 ของผู้จัดการกองทุนมองตลาดหุ้นจีนสดใสในไตรมาสที่ 2/2009 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ67 หรือ 2 ใน 3 ของไตรมาสก่อน
         
          โดยในภาพรวม พบว่าผู้จัดการกองทุนที่ร่วมการสำรวจ ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นลดลง เนื่องจากผู้จัดการกองทุนลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น เพิ่มขึ้นจากร้อยละ22 ในไตรมาสที่ 1/2009 เป็นร้อยละ40 ในไตรมาสนี้ โดยตลาดหุ้นที่มีการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนมากที่สุดรวมถึงตลาดยุโรป และญี่ปุ่น โดยร้อยละ36 ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นควรลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดยุโรป (เทียบกับร้อยละ22 ในไตรมาสก่อน) ร้อยละ70 เห็นว่าควรลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น (เทียบกับร้อยละ33 ในไตรมาสก่อน)

 ส่วน ตลาดพันธบัตร ผู้จัดการกองทุนยังคงมองว่าน่าสนใจในไตรมาสที่ 2/2009 โดยผู้จัดการกองทุน 7 ใน 10 คนเพิ่มน้ำหนักการลงทุน เทียบกับร้อยละ 57 ของผู้ตอบแบบสอบถามในไตรมาสก่อน และมีจำนวนผู้จัดการกองทุนเพิ่มขึ้นที่ให้น้ำหนักการลงทุนในทุกตลาดพันธบัตร อาทิ ตลาดพันธบัตรยุโรป คิดเป็นร้อยละ56 เพิ่มจากร้อยละ50 ตลาดพันธบัตรสหรัฐ ร้อยละ44 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29 ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง คิดเป็นร้อยละ44 เพิ่มจากร้อยละ33 และตลาดพันธบัตรเอเชีย คิดเป็นร้อยละ38 เทียบกับ ร้อยละ 33
         
          ทั้งนี้ การสำรวจในไตรมาสที่ 2/2009 พบว่า ผู้จัดการกองทุนปรับทัศนะการถือครองเงินสดจาก “เพิ่มน้ำหนัก” เป็น “ลดน้ำหนัก” ถือครองเงินสด โดยร้อยละ25 เห็นว่าควรให้น้ำหนักกับการถือครองเงินสด (ลดลงจากร้อยละ33 ในการสำรวจคราวก่อน) ร้อยละ25 เห็นว่าควรลดน้ำหนักการถือครองเงินสดลง (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ17 ในการสำรวจคราวก่อน)
         
          มิสบอนนี เท ผู้อำนวยการธุรกิจเอชเอสบีซี พรีเมียร์ การบริหารความมั่งคั่งและกลุ่มตลาดขนาดกลาง ฝ่ายบุคคลธนกิจ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า แม้ว่ามูลค่าและราคาหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมากเมื่อสิ้นไตรมาสแรก แต่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็ยังคงไม่แน่นอน และตลาดจะยังคงผันผวนต่อเนื่อง ผู้จัดการกองทุนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง และเลือกให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าและโอกาสเติบโต และเน้นลงทุนในตลาดพันธบัตรที่มีความผันผวนน้อย เพื่อกระจายพอร์ตลงทุนอย่างเหมาะสม
         
          “ตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจที่สุด เนื่องจากดัชนีเศรษฐกิจล่าสุดเริ่มส่งสัญญาณว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศแล้ว”

    นอกจากนี้ บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกรวม 12 แห่ง ที่ธนาคารเอชเอสบีซีจัดสำรวจความคิดเห็นเป็นรายไตรมาสนี้ ยังวิเคราะห์ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ (Fund under management: FUM) กระแสเงินลงทุนทั่วโลก (Global money flows) และความเห็นของผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดตราสารต่างๆ โดยกระแสเงินลงทุนสุทธิ (Net money flow)คำนวณจากความเคลื่อนไหวของปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ เปรียบเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดตราสารประเภทเดียวกัน
         
          ณ วันที่ 31 มีนาคม 2009 ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการกองทุน 12 แห่งที่ร่วมในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้อยู่ที่ 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.8 ของประมาณการปริมาณเงินลงทุนที่มีอยู่ทั่วโลก (Total global FUM)
         

          จากผลการสำรวจพบว่า เมื่อสิ้นไตรมาส 1/2009 ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการลดลง 102 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงคิดเป็นร้อยละ 4.05 จากไตรมาส 4/2008 โดยกองทุนหุ้นมีปริมาณเงินลดลงสูงสุดถึง 85.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ กองทุนผสมและกองทุนพันธบัตรมียอดเงินลดลง ขณะที่กองทุนที่ลงทุนในตลาดเงินกลับมียอดเงินสูงขึ้น
         
          สำหรับ ตลาดหุ้นจีนเริ่มมีปริมาณเงินทุนไหลเข้าในไตรมาสที่ 1/2009 หลังจากที่มีการถอนการลงทุนจากตลาดนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในการฟื้นตัวและโอกาสเติบโตของภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ การที่นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงในตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มขึ้น เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพและตลาดพันธบัตรกำลังปรับตัวดีขึ้น
         
          "มิสเท" กล่าวต่อว่า แม้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังคงกังวลกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจึงควรจะหารือกับที่ปรึกษาการเงินอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยพยายามกระจายการลงทุนในพอร์ตอย่างเหมาะสม
         
          ขณะที่นักลงทุนกำลังมองหาโอกาสทำกำไรในตลาดหุ้น เช่นในตลาดหุ้นจีน ก็ยังคงระมัดระวังในการลงทุน โดยพบว่าผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตลาดพันธบัตรภาคเอกชนที่มีศักยภาพ ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า นักลงทุนพยายามแสวงหาการลงทุนที่มั่นคง โดยมองการถือครองเงินลงทุนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จนกว่าจะเห็นโอกาสการฟื้นตัวในระยะยาวของเศรษฐกิจโลก
          

          
           หมายเหตุ ...สำหรับผู้จัดการกองทุนที่ร่วมในการสำรวจ (Participating fund managers) ครั้งนี้ทั้ง 12 แห่ง ได้แก่...Alliance Bernstein, Allianz Global Investors, Baring Asset Management, BlackRock, Fidelity Investment Management, Franklin Templeton Investments, INVESCO Asset Management, Investec Asset Management, JP Morgan Asset Management, Prudential Asset Management, Schroders Investment Management
กำลังโหลดความคิดเห็น