บลจ. บีที เผยเป็นปลื้ม พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์กองแรก การตอบรับอย่างล้มหลาม ยอดจองเกินจำนวนมูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยกองสองต่อทันที แต่ขอประเมินการเมืองป่วนและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก่อน
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ไอพีโอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 101 มนตรี สโตรเร็จ ไปเมื่อวันที่ 16 - 26 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ากองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท้วมท้น เนื่องจากว่ามียอดจองซื้อกองทุนเข้ามากเกินจำนวนมูลค่าโครงการที่ได้ตั้งไว้ 603 ล้านบาท โดยมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาลงทุนรวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 630 ล้านบาท
"สาเหตุที่นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทสามารถให้ผลตอบแทนที่สูง อีกทั้งในขณะนี้การลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝากต่างให้ผลตอบแทนที่น้อยไม่ค่อยน่าจูงใจมากนัก ดังนั้น กองทุนดังกล่าวจึงเป็นอีกทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนนั้น ยังคงเป็นนักลงทุนรายย่อยเป็นหลักมากกว่านักลงทุนสถาบัน เนื่องจากว่ากองทุนมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก" นายนกุล กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รับการตอบเป็นอย่างดีจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองทุนแรกของบริษัท ซึ่งเป็นเครื่องการันตีได้ว่านักลงทุนต่างไว้วางใจเข้ามาลงทุน ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเตรียมแผนที่จะะออกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 2 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 2 ของบริษัทจะมีความแตกต่างจากกองทุนแรก เนื่องจากว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองแรกเป็นการลงทุนในโกดังสินค้า แถวย่านลาดพร้าว แต่กองทุนที่ 2 เป็นการเข้าไปลงทุนในโรงแรม ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่น่าสนใจเพราะสถานที่โรงแรมดังกล่าวติดกับริมทชายหาดและมีนักท่องเที่ยวรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้ได้เข้าไปดูถึงรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงตรวจสอบสถานที่เพื่อประเมินต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทเองก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่าจะซาลงไปมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากอาจจะได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนน้อย เพราะขณะนี้การท่องเที่ยวเองก็ไปรับผลกระทบอยู่แล้วจากปัจจัยหลาย ๆ ด้าน นอกจากนี้แล้ว บริษัทเองก็ยังต้องดูเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองด้วย เพราะยังมีความไม่นิ่ง ถ้าเกิดมีความเคลื่อนไหวขึ้นมาอีกจนเกิดผลกระทบ บริษัทคงต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปก่อนแล้วจึงค่อยเปิดเหมือนกับกองทุนแรกที่มีแผนที่จะเปิดขายกองทุนไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเจอเหตุทางการเมืองมากระทบเข้าบริษัทจึงต้องชะลอการออกไป และรอจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดขาย
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ไอพีโอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 101 มนตรี สโตรเร็จ ไปเมื่อวันที่ 16 - 26 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ากองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท้วมท้น เนื่องจากว่ามียอดจองซื้อกองทุนเข้ามากเกินจำนวนมูลค่าโครงการที่ได้ตั้งไว้ 603 ล้านบาท โดยมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาลงทุนรวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 630 ล้านบาท
"สาเหตุที่นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทสามารถให้ผลตอบแทนที่สูง อีกทั้งในขณะนี้การลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝากต่างให้ผลตอบแทนที่น้อยไม่ค่อยน่าจูงใจมากนัก ดังนั้น กองทุนดังกล่าวจึงเป็นอีกทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนนั้น ยังคงเป็นนักลงทุนรายย่อยเป็นหลักมากกว่านักลงทุนสถาบัน เนื่องจากว่ากองทุนมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก" นายนกุล กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รับการตอบเป็นอย่างดีจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองทุนแรกของบริษัท ซึ่งเป็นเครื่องการันตีได้ว่านักลงทุนต่างไว้วางใจเข้ามาลงทุน ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเตรียมแผนที่จะะออกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 2 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 2 ของบริษัทจะมีความแตกต่างจากกองทุนแรก เนื่องจากว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองแรกเป็นการลงทุนในโกดังสินค้า แถวย่านลาดพร้าว แต่กองทุนที่ 2 เป็นการเข้าไปลงทุนในโรงแรม ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่น่าสนใจเพราะสถานที่โรงแรมดังกล่าวติดกับริมทชายหาดและมีนักท่องเที่ยวรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้ได้เข้าไปดูถึงรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงตรวจสอบสถานที่เพื่อประเมินต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทเองก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่าจะซาลงไปมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากอาจจะได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนน้อย เพราะขณะนี้การท่องเที่ยวเองก็ไปรับผลกระทบอยู่แล้วจากปัจจัยหลาย ๆ ด้าน นอกจากนี้แล้ว บริษัทเองก็ยังต้องดูเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองด้วย เพราะยังมีความไม่นิ่ง ถ้าเกิดมีความเคลื่อนไหวขึ้นมาอีกจนเกิดผลกระทบ บริษัทคงต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปก่อนแล้วจึงค่อยเปิดเหมือนกับกองทุนแรกที่มีแผนที่จะเปิดขายกองทุนไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเจอเหตุทางการเมืองมากระทบเข้าบริษัทจึงต้องชะลอการออกไป และรอจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดขาย
