ASTVผู้จัดการรายวัน-คาดประชุมเฟดรอบใหม่ คงอัตราดอกเบี้ยระดับเดิม ชี้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นไม่เป็นผลต่อการพิจารณา เหตุสัญญาณเศรษฐกิจ และตัวเลขต่างๆ ยังอยู่ในภาวะถดถอย หวั่นกระทบการฟื้นตัว ขณะเดียวกันระบุเดือนหน้ากนง.ใช้เหตุผลเดียวกัน คงดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม พร้อมแนะจับตาสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นหลัง Q4 หากตัวเลขบ่งชี้ด้านการขยายตัวไม่ร่วงต่อ
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสรหรัฐ(เฟด) ในรอบล่าสุดนี้ เชื่อว่าน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในระดับเดิม และจะคงอยู่ในระดับเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่ชัดเจนมากนัก
"เศรษฐกิจตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัว ถ้าดูตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยอดขายบ้านทั้งบ้านเก่าบ้านใหม่ไม่ได้ดีขึ้น โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ยังอยู่ในช่วงที่ตกต่ำ ส่วนตัวเลขคนตกงานก็ยังมีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าเศรษฐกิจในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงถดถอย และเฟดเองคงจะต้องพิจารณาเรื่องนี้เป็นสำคัญ"นายประภาสกล่าว
ส่วนกรณีของราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นขณะนี้ เชื่อว่าไม่กระทบต่อการตัดสินใจของเฟด เนื่องจากถึงแม้ราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อการปรับตัวของเงินเฟ้อ แต่เป็นเรื่องของต้นทุนราคาสิ้นค้า และหากจะขึ้นดอกเบี้ยด้วยเหตุผลนี้จะทำให้เศรษฐกิจที่ทดถอยอยู่แล้วตกต่ำลงไปอีกได้ โดยการพิจารณาของเฟดจะให้น้ำหนักด้านความร้อนแรงของเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งหากเป็นเงินเฟ้อที่มาจากกำลังซื้อในช่วงเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นก็ยังพอเป็นเหตุผลในการขึ้นดอกเบี้ยได้
ด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การประชุมรอบที่สี่ของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในวันที่ 23-24 มิถุนายน 2552 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน จะพิจารณาและตัดสินใจทิศทางนโยบายการเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Fed Funds และนโยบายเชิงปริมาณที่ใช้แก้ปัญหาในตลาดสินเชื่อ (Quantitative Easing Policies)
ทั้งนี้ คาดว่าภายใต้ สถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีความเปราะบางอยู่มาก ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีระดับต่ำและควบคุมได้ เฟดน่าจะยังให้น้ำหนักหลักอยู่ที่การดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ และมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบ 0.00-0.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 23-24 มิถุนายนนี้ พร้อมๆ กับระบุว่าจะยังคงเดินหน้านโยบายการเงินเชิงปริมาณอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกระยะ จนกว่าจะมั่นใจว่าความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจได้คลายตัวลงสู่ภาวะปกติ
นายประภาส กล่าวอีกว่า ในส่วนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทย เชื่อว่าการประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินในเดือนหน้า น่าจะยังคงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะถดถอย ตัวเลขเศรษฐกิจ การส่งออกยังอยู่ในระดับต่ำ โดยทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยน่าจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะต้องพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4 อีกครั้งที่จะบ่งชี้ได้ว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยจะสามารถปรับขึ้นได้หรือไม่
"คงต้องดูตัวเลขในไตรมาส 4 ก่อนถ้าไม่ร่วงก็น่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้อัตราดอกเบี้ยไทยต่ำมากแล้ว แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้น ภาคสินเชื่อเองก็ไม่ขยายตัวเท่าไร ซึ่งเชื่อว่าถ้ายังเป็นเช่นนี้ดอกเบี้ยก็ไม่น่าเปลี่ยน โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลขณะนี้ได้หันมาใช้นโยบายการคลังไปแล้ว แต่ต้องรอดูว่าแผนการใช้จ่ายที่รัฐบาลตั้งไว้จะดำเนินไปได้ด้วยดีขนาดไหน"นายประภาสกล่าว
