ASTVผู้จัดการกองทุน - บลจ.เอ็มเอฟซี โชว์กลยุทธ์จับจังหวะลงทุนช่วงราคาน้ำมันขึ้น-ลงได้ถูกต้อง ใช้เวลาเพียง 2 เดือน "กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟิฟทีน ซีรี่ส์ 1" ชนเป้าหมาย 15% ผู้ถือหน่วยลงทุน เฮรับผลตอบแทนหน่วยลงทุนละ 11.56 บาท โดยโอนเงินอัตโนมัติเข้ากองทุนเปิด MM-GOV
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ. เอ็มเอฟซีซึ่งเป็นผู้นำด้านกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ประสบความสำเร็จอีกครั้งจากการบริหารกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟิฟทีน ซีรี่ส์ 1 หรือ I-OIL 15S1 โดยสามารถปิดกองทุนได้ภายในเวลาเพียง 2 เดือนก่อนครบกำหนดอายุกองทุนที่ตั้งไว้ 1 ปี หลังจากผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไข โดยผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินประมาณหน่วยลงทุนละ 11.56 บาท ซึ่งบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
โดยผู้จัดการกองทุนดังกล่าวเปิดเผยว่า กองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่กองทุนเปิด I-OIL 15S1 เข้าไปลงทุนนั้น มีผลการดำเนินงานที่ดี ทำให้สามารถถึงผลตอบแทนเป้าหมายได้ร้อยละ 15 ภายใน 2 เดือน
ทั้งนี้ เอ็มเอฟซีเล็งเห็นโอกาสที่ดีในช่วงที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ย่อมส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้กับผู้ลงทุนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เอ็มเอฟซียังมีกองทุนน้ำมันอีกหนึ่งกองทุนที่เป็นกองทุนเปิดสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการคือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ หรือ I-OIL ซึ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบเช่นกัน โดยกองทุนลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2552 มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 12.0204 บาท โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นอย่างดี และนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง
รายงานข่าวระบุถึงแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกว่า น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 68.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายทะยานไปถึง 69.05 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ขณะที่เบรนต์ลอนดอน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 68.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันขยับเล็กน้อย หลังจากเมื่อวันจันทร์(1) ทะยานขึ้นไปเหนือ 68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน หลังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมของจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
