บลจ. มองหุ้นสถาบันการเงินมะกันดีขึ้น หลังความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มกลับมา แต่ยังมีความผันผวนอยู่ เพราะอยู่ช่วงปรับตัว ขณะที่ความเสี่ยงในเรื่องการปล่อยสินเชื่อเริ่มลดลง ต่างจากยุโรป ที่ยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงิน เหตุแต่ละประเทศแตกต่างกัน แถมไม่มีความโปร่งใส
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ของสถาบันการเงินในสหรัฐฯขณะนี้ อยู่ในภาวะที่ยํ่าแย่น้อยลง แต่เนื่องจากหลายฝ่ายมองกันว่าวิกฤตได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น ซึ่งสะท้อนไปถึงตลาดหุ้นของประเทศที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนเริ่มมีความมั่นใจกับเรื่องของวิกฤตสถาบันการเงินมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นจะสะท้อนถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ดี แต่ในส่วนของสถาบันการเงินยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ปกติเพียงแต่อยู่ในภาวะที่ยํ่าแย่น้อยลงเท่านั้น ดังนั้นในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินในขณะนี้ จึงมีค่อนข้างจะมีความรัดกุมเมื่อเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ในระยะยาวแล้วคงมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่สถาบันการเงินยังไม่เข้าสู่ภาวะปกตินั้น จะมีผลไปถึงหุ้นของสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน ซึ่งยังคงมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่สถาบันการเงินทั้งหลายกำลังปรับตัวอยู่โดยเฉพาะในเรื่องการชำระหนี้สิน แต่หากมีปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อหุ้นของสถาบันการเงินนั้น ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นในลักษณะที่เรื่องที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อทั้งโลก
สำหรับ กองทุนของบริษัทที่มีการลงทุนอยู่ในหุ้นของสถาบันการเงินในสหรัฐฯนั้น นายจุมพล กล่าวว่า ทางบริษัทไม่ได้มีความกังวลต่อหุ้นของสถาบันการเงินที่มีการลงทุนอยู่ โดยมองว่าสถานการณ์ของตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปอย่างมากนี้เป็นสัญญาณของการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีแม้ว่าในช่วงระยะสั้นๆอาจมีการปรับตัวลดลงมาบ้างก็ตาม
ขณะที่ นางสาวพรสันต์ (เคท) หัตถีรัตน์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บลจ. อเบอร์ดีน จำกัด ระบุว่า จากการทำ stress test ของสถาบันการเงินนั้นได้ส่งผลให้สถานการณ์ของสถาบันการเงินในสหรัฐดีขึ้น เพราะได้ทำให้เห็นถึงสภาพของสถาบันการเงินต่างๆว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งผลที่ออกมาได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ที่มีต่อแนวโน้มของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี อีกทั้งยังส่งให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน และยังส่งผลดีไปถึงหุ้นของสถาบันการเงินเองด้วยเช่นกัน ขณะที่ความเสี่ยงในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อในสหรัฐฯนั้นเริ่มลดลงไปด้วยเช่นกันโดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสถาบันการเงินต่างๆได้มีความั่นใจต่อการกู้เงินรวมถึงการออกพันธบัตร
ส่วนสถานการณ์ของสถาบันการเงินในยุปโรปนั้น ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะการทำ stress test เช่นเดียวกับสหรัฐฯนั้นยังไม่ค่อยมีความโปร่งใสเหมือนกับสหรัฐฯรวมทั้งไม่มีมาตราฐานที่เท่ากันในแต่ละประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้มากนัก นอกจากนั้นเศรษฐกิจของยุโรปนั้นมีการพึ่งพิงสถาบันการเงินเป็นหลักต่างจากสหรัฐฯที่สามารถออกพันธบัตรเพื่อใช้ในระบบเศรษฐกิจได้
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ของสถาบันการเงินในสหรัฐฯขณะนี้ อยู่ในภาวะที่ยํ่าแย่น้อยลง แต่เนื่องจากหลายฝ่ายมองกันว่าวิกฤตได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น ซึ่งสะท้อนไปถึงตลาดหุ้นของประเทศที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนเริ่มมีความมั่นใจกับเรื่องของวิกฤตสถาบันการเงินมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นจะสะท้อนถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ดี แต่ในส่วนของสถาบันการเงินยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ปกติเพียงแต่อยู่ในภาวะที่ยํ่าแย่น้อยลงเท่านั้น ดังนั้นในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินในขณะนี้ จึงมีค่อนข้างจะมีความรัดกุมเมื่อเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ในระยะยาวแล้วคงมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่สถาบันการเงินยังไม่เข้าสู่ภาวะปกตินั้น จะมีผลไปถึงหุ้นของสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน ซึ่งยังคงมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่สถาบันการเงินทั้งหลายกำลังปรับตัวอยู่โดยเฉพาะในเรื่องการชำระหนี้สิน แต่หากมีปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อหุ้นของสถาบันการเงินนั้น ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นในลักษณะที่เรื่องที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อทั้งโลก
สำหรับ กองทุนของบริษัทที่มีการลงทุนอยู่ในหุ้นของสถาบันการเงินในสหรัฐฯนั้น นายจุมพล กล่าวว่า ทางบริษัทไม่ได้มีความกังวลต่อหุ้นของสถาบันการเงินที่มีการลงทุนอยู่ โดยมองว่าสถานการณ์ของตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปอย่างมากนี้เป็นสัญญาณของการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีแม้ว่าในช่วงระยะสั้นๆอาจมีการปรับตัวลดลงมาบ้างก็ตาม
ขณะที่ นางสาวพรสันต์ (เคท) หัตถีรัตน์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บลจ. อเบอร์ดีน จำกัด ระบุว่า จากการทำ stress test ของสถาบันการเงินนั้นได้ส่งผลให้สถานการณ์ของสถาบันการเงินในสหรัฐดีขึ้น เพราะได้ทำให้เห็นถึงสภาพของสถาบันการเงินต่างๆว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งผลที่ออกมาได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ที่มีต่อแนวโน้มของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี อีกทั้งยังส่งให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน และยังส่งผลดีไปถึงหุ้นของสถาบันการเงินเองด้วยเช่นกัน ขณะที่ความเสี่ยงในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อในสหรัฐฯนั้นเริ่มลดลงไปด้วยเช่นกันโดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสถาบันการเงินต่างๆได้มีความั่นใจต่อการกู้เงินรวมถึงการออกพันธบัตร
ส่วนสถานการณ์ของสถาบันการเงินในยุปโรปนั้น ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะการทำ stress test เช่นเดียวกับสหรัฐฯนั้นยังไม่ค่อยมีความโปร่งใสเหมือนกับสหรัฐฯรวมทั้งไม่มีมาตราฐานที่เท่ากันในแต่ละประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้มากนัก นอกจากนั้นเศรษฐกิจของยุโรปนั้นมีการพึ่งพิงสถาบันการเงินเป็นหลักต่างจากสหรัฐฯที่สามารถออกพันธบัตรเพื่อใช้ในระบบเศรษฐกิจได้