บลจ.ทิสโก้เดินหน้าออกกองหุ้นกู้ ส่ง"ทิสโก็ สเปเชี่ยล พลัส 12"ล่อใจนักลงทุนเพิ่มอีกตั้งแต่วันจันทร์นี้ไปจนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 52 พร้อมชูนโยบาย Mark to Market เป็นจุดเด่นของกองทุน สามารถยุบกองกำหนดได้หากเอ็นอีวีปรับตัวแตะ 10.42 บาทก่อนกำหนด มั่นใจเป็นผลดีต่อนักลงทุนในการล็อกอ้ตราผลตอบแทนระยะยาว
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ. ทิสโก้ ได้เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส ซึ่งเป็นกองตราสารหนี้เอกชนในประเทศต่อเนื่องไปแล้วถึง 11 กองนั้น ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12”ในระหว่างวันที่ 25 พ.ค.- 2 มิ.ย. 52 นี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่
กำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง
สำหรับ“กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12” จะมีนโยบายเหมือนกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 นั่นคือ มุ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชน เพื่อคาดหวังอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก อายุโครงการประมาณ 2 ปี แต่มีเงื่อนไขพิเศษให้ผู้ถือหน่วยสามารถเลิกกองทุนและรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.42 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 4% ณ วันทำการใด ภายในระยะเวลา 1 ปี
“จากการเปิดขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นกองทุนที่แตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งผู้ลงทุนจะมีทางเลือกเดียวนั่นคือต้องถือหน่วยลงทุนจนครบอายุโครงการจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แต่สำหรับกองทุนนี้ จะมีโอกาสทำกำไรจากการปรับราคาทรัพย์สินที่ลงทุนให้สะท้อนกับราคาทรัพย์สินที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด หรือที่เรียกว่าราคาจากการ Mark to Market ด้วย จึงทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเร็วขึ้น"นายพิชากล่าว
นายพิชา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่บริษัทนำการ Mark to Market เข้ามาเป็นเงื่อนไขในการลงทุนด้วยนั้น เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเศรษฐกิจและยังไม่เชื่อมั่นในการลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน จึงทำให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มหรือ Credit spread ของตราสารหนี้เอกชนอายุประมาณ 2-3 ปีสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน ซึ่งหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนมากขึ้น จนทำให้ Credit spread หรือผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้เอกชนลดลง การล็อกยาวผลตอบแทนที่สูงกว่าในตลาดไว้ในตอนนี้จะทำให้กองทุนได้รับประโยชน์ในส่วนของการ Mark to Market อีกด้วย
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ. ทิสโก้ ได้เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส ซึ่งเป็นกองตราสารหนี้เอกชนในประเทศต่อเนื่องไปแล้วถึง 11 กองนั้น ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12”ในระหว่างวันที่ 25 พ.ค.- 2 มิ.ย. 52 นี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่
กำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง
สำหรับ“กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12” จะมีนโยบายเหมือนกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 นั่นคือ มุ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชน เพื่อคาดหวังอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก อายุโครงการประมาณ 2 ปี แต่มีเงื่อนไขพิเศษให้ผู้ถือหน่วยสามารถเลิกกองทุนและรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.42 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 4% ณ วันทำการใด ภายในระยะเวลา 1 ปี
“จากการเปิดขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นกองทุนที่แตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งผู้ลงทุนจะมีทางเลือกเดียวนั่นคือต้องถือหน่วยลงทุนจนครบอายุโครงการจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แต่สำหรับกองทุนนี้ จะมีโอกาสทำกำไรจากการปรับราคาทรัพย์สินที่ลงทุนให้สะท้อนกับราคาทรัพย์สินที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด หรือที่เรียกว่าราคาจากการ Mark to Market ด้วย จึงทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเร็วขึ้น"นายพิชากล่าว
นายพิชา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่บริษัทนำการ Mark to Market เข้ามาเป็นเงื่อนไขในการลงทุนด้วยนั้น เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเศรษฐกิจและยังไม่เชื่อมั่นในการลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน จึงทำให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มหรือ Credit spread ของตราสารหนี้เอกชนอายุประมาณ 2-3 ปีสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน ซึ่งหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนมากขึ้น จนทำให้ Credit spread หรือผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้เอกชนลดลง การล็อกยาวผลตอบแทนที่สูงกว่าในตลาดไว้ในตอนนี้จะทำให้กองทุนได้รับประโยชน์ในส่วนของการ Mark to Market อีกด้วย