xs
xsm
sm
md
lg

MFCจับจังหวะเทรดหนีบอนด์ผันผวน แอสเซทพลัสรอดตัวพอร์ตเน้นลงทุนระยะสั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซี ชี้ตลาดตราสารหนี้ผันผวนตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ ระบุผู้จัดการกองทุนต้องเร็ว จับจังหวะเทรดดิ้งรับมือความผันผวน ขณะที่ บลจ.แอสเซท พลัส เผย "แอสเซทพลัสตราหนี้" ไม่ผันผวนตามตลาด เหตุพอร์ตลงทุนส่วนใหญ่ อยู่ในตราสารระยะสั้น แถมได้อานิงส์ หลังดอกเบี้ยในตลาดปรับขึ้น ชูผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี 1.62% ส่วนบรรยากาศซื้อขายตลาดตรรสารหนี้วานนี้ (19 พ.ค.) ดัชนีตราสารหนี้ปรับตัวลดลง ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่น
นายพิชิต อัคราทิตย์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในขณะนี้ ค่อนข้างผันผวน และมีการปรับขึ้นลงตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ ซึ่งล่าสุด หลังจากแผนการกู้เงินของรัฐบาลต้องชะงักออกไปเพื่อรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อนนั้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลงอีกประมาณ 0.50% หลังจากปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ตลาดกังวลว่าซับพลายในตลาดจะเพิ่มขึ้นจากแผนระดมทุนมูลค่า 8 แสนล้านบาทของรัฐบาล

ทั้งนี้ การปรับลดลงดังกล่าว ไม่มีอะไรผิดปกติมากนัก เนื่องจากแผนการระดมทุนของรัฐบาลเอง จะใช้เวลาอีก 3 ปีหลังจากนี้ ซึ่งตลาดได้รับข่าวดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว จึงทำให้ผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนที่เกิดขึ้นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุนตราสารหนี้ในพอร์ตของบลจ.เอ็มเอฟซีมากนัก เพราะผู้จัดการกองทุนมีการติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในตลาดและปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์ของเราเองมีการเทรดดิ้งพอร์ตตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่แล้ว ทั้งนี้ ความผันผวนที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้จัดการกองทุนต้องรวดเร็วและจับจังหวะได้ถูกต้อง

ทั้งนี้ จากความผันผวนดังกล่าว บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-BOND) โดยเปลี่ยนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางเป็นการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น เนื่องจากราคาของพันธบัตรระยะกลางมีแนวโน้มปรับลดลง ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2552 กองทุน M-BOND มีการดำรงอัตราส่วนการลงทุนในตราสารภาครัฐคิดเป็นร้อยละ 41.14 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2552กองทุน M-BOND มีอัตราส่วนการลงทุนในตราสารภาครัฐคิดเป็นร้อยละ 58.08 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในโครงการแล้ว
นางสาวสุทธินี สิมะกุลธร
ด้านนางสาวสุทธินี สิมะกุลธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราหนี้(ASP) มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนสูงมาก จากการที่รัฐบาลต้องกู้เงินโดยการออกพันธบัตรเพิ่มเติมจำนวนมาก และการสิ้นสุดลงของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งทำให้กองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยระยะกลางถึงยาวจึงได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวด้วย ในขณะที่กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราหนี้ จะเน้นลงทุนแต่ตราสารระยะสั้น จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่า และเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้กองทุนก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย

โดยกองทุนมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (duration) ที่ต่ำมากเพียง 0.08 ปี เนื่องจากอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุนส่วนใหญ่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน ส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนอยู่ในระดับสูง ผู้ลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนนี้ได้ทุกวัน ดังนั้น กองทุนแอสเซทพลัสตราสารหนี้ จะเหมาะกับผู้ลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ย หรือการพักเงินลงทุนในระยะสั้น โดยไม่เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทน"นางสาวสุทธินี กล่าว

สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราหนี้ เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีลักษณะเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน( Money Market) ที่มีสภาพคล่องสูง โดยนักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับนักลงทุนไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ เพราะเป็นการลงทุนในรูปกองทุน

ขณะเดียวกัน ในส่วนของรูปแบบการลงทุนนั้น กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูงเป็นหลัก เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลังและพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณครึ่งหนึ่งของพอร์ตการลงทุน ส่วนอีกร้อยละ 10-20 นั้น กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วแลกเงินธนาคาร และร้อยละ 20-30 ได้ลงทุนในตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2552 กองทุน ASP มีผลการดำเนินงาน ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 1.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอ 1.97% ขณะที่ย้อหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.41%และย้อนหลังนับตั้งแต่ต้นปีหรือ YTDอยู่ที่ 1.62% ต่อปี โดยกองทุนมีเกณฑ์มาตรฐานBenchmark ย้อนหลัง 3 เดือน 5.71% ย้อนหลัง 6 เดือน 8.03% ย้อนหลัง 1 ปี 8.21% และย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.41% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานBenchmark ได้เปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี สำหรับวงเงิน 1 ล้านบาท เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์และค่าเฉลี่ยระหว่าง THAIBMA Government Bond Index

นอกจากนี้ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 บริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพันธบัตรปันผล(ASP-GBF) ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับงวดบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2552 ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราหน่วยละ 0.05 บาท

**ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้หนาแน่น**
สำหรับภาวะการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ วานนี้ (19 พ.ค.) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย รายงานว่า มีปริมาณการซื้อขายรวม 416,266.51 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นการซื้อขายแบบ Outright หรือการซื้อขายขาดแบบไม่มีภาระผูกพันมูลค่า 129,654.09 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31 ของมูลค่าการซื้อขายรวม และปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าจากเมื่อวาน มูลค่าซื้อขายแบบ Outright สูงสุดของวันยังคงเป็นพันธบัตร ธปท. 120,796.49 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เท่า จากเมื่อวาน วันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. 5 รุ่น อายุคงเหลือ 14, 28, 63, 91 วัน และ 3 ปี มูลค่ารวม 131,000 ล้านบาท การประมูลครั้งนี้ได้ค่า BCR (มูลค่าความต้องการประมูลต่อมูลค่าการเสนอขาย) ของรุ่น 14 วัน เท่ากับ 1.18 เท่า ปรับตัวลดลงจาก 1.68 เท่า ในการประมูลครั้งก่อน

โดยมูลค่าซื้อขายรองลงมาได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล 4,851.81 ล้านบาท ในส่วนนี้พันธบัตรรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 5 ปี (LB133A และ LB145B) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในตลาด ด้วยสัดส่วนการซื้อขายรวมร้อยละ 43 ของมูลค่าการซื้อขายประเภท outright ของพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ส่วนการซื้อขายตั๋วเงินคลัง 2,786.90 ล้านบาท และการซื้อขายหุ้นกู้เอกชน มูลค่า 1,198.06 ล้านบาท หุ้นกู้ที่เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุดคือ TLT128A, MINT11OA และ AIS119A นักลงทุนหลักยังคงเป็นกลุ่มกองทุนรวม มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 99,025.36 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 223.87 ล้านบาท

สำหรับเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 2.49% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13 basis point และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุคงเหลือ 10 ปี ปิดที่ 3.77% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 basis point และ ThaiBMA Government Index ปรับตัวลดลง 0.78 จุด ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ระดับ 191.85
กำลังโหลดความคิดเห็น