ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.พรีเวสท์เดินหน้าเปิดขายกองทุนน้ำมันระหว่างวันที่ 7-26 พฤษภาคมนี้ มั่นใจราคาปรับขาขึ้นมากกว่าลงภายใน 3 ปี แม้ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอาจยังคลี่คลายไม่หมด พร้อมแนะนักลงทุนใช้เป็นสินทรัพย์ช่วยกระจายเสี่ยงไม่ให้กระจุกตัว ระบุการบริโภค และเติบโตของเศรษฐกิจจีน รวมถึงการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคจะเป็นตัวผลักดันราคาน้ำมันในอนาคต
นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่่จะเปิดขายกองทุนน้ำมันให้แก่นักลงทุนครั้งแรกประมาณวันที่ 7-26 พฤษภาคมนี้ โดยกองทุนนี้จะเป็นกองทุนเปิดที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่เข้าไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าภายในตลาดน้ำมันต่างประเทศ
ทั้งนี้ เชื่อว่าการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันในช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว และน่าจะปรับตัวขึ้นได้อีกจากเดิมที่เคยอยู่ในระดับ 100 กว่าเหรียญดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้น้ำมันยังเป็นสินค้าที่ราคามักจะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ ซึ่งหากแนวโน้มของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ในอนาคตราคาของน้ำมันก็น่าจะปรับตัวตามด้วยเช่นกัน
"น้ำมันมักจะปรับตามเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาแค่จีนในช่วงโอลิมปิคอย่างเดียวยังทำให้ราคาน้ำมันปรับไปที่ 100 เหรียญได้ เพราะการบริโภคของจีนในช่วงที่ผ่านมาการปรับตัวอย่างมากในทุกด้านโดยถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวแต่จีนซึ่งเป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ก็ยังต้องบริโภคน้ำมันอยู่ เพราะยังต้องมีการพัฒนาในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคอยู่มาก และเศรษฐกิจจีนในปีนี้เองก็ยังมีการคาดการณ์ว่าจะโตขึ้นอีกถึงแม่้จะไม่มากเท่าช่วงที่่ผ่านมา ซึ่งทำให้เทรนของราคาน้ำมันในตอนนี้ถึงแม้จะสวิงในบางช่วงแต่ก็น่าจะมีอัพไซด์ในช่วงขาขึ้นมากกว่าขาลง"นางสาวศรีเนตรกล่าว
สำหรับการที่นักลงทุนเชื่อว่าปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกน่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอีก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริการหลังจากผลประกอบการในไตรมาสแรกของสถาบันการเงินออกมานั้น คาดว่าคงจะกระทบต่อราคาน้ำมันบาง แต่ในระยะยาวประมาณ 3 ปีจนถึงประมาณปี 2012 ราคาน่าจะปรับตัวในขาขึ้นมากกว่าถึงจะมีการผันผวนในบ้างช่วงก็ตาม
นางสาวศรีเนตร กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันนอกจากจะปรับตัวตามเศรษฐกิจโลกแล้วในส่วนของความต้องการและกำลังการผลิตยังมีผลต่อราคาน้ำมันด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปคก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยที่ผ่านมาถึงแม้ราคาจะปรับตัวลดลงมาในระดับต่ำแต่การปรับลดกำลังการผลิตก็จะช่วยผยุงราคาได้ และราคาที่เหมาะสมของมันคิดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 55-60 ดอลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล และน่าจะปรับตัวขึ้นมาถึงในระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ด้วยเช่นกัน
"กองทุนนี้น่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องกระจายความเสี่ยงและจัดพอร์ตของตน ซึ่งราคาน่้ำมันมันจะไม่เกี่ยงข้องกับตลาดหุ้น แต่มันจะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และความต้องการ ซึ่งถ้าจะมองเรื่องของพลังงานทดแทนแล้วราคาน้ำมันจะต้องสูงกว่านี้พลังงานทดแทนถึงจะเกิดได้ และยิ่งในส่วนแหล่งขุดเจาะในตะวันออกกลางเองก็เช่นกันถ้าหากราคายังอยู่ในระดับต่ำแนวโน้มการขุดเจาะเพิ่มเติมก็คงยังไม่มีทำให้ราคาน่าจะปรับขึ้นได้อีกหลังจากนี้ และถ้ามองในแง่ดีเศรษฐกิจขึ้นเงินเฟ้อขึ้นราคาน้ำมันก็จะมาอีกด้วย"นางสาวศรีเนตรกล่าว
อนึ่งสำหรับบลจ.พรีมาเวสท์ในปีนี้นับเป็นบลจ.ที่ตั้งเป้าการขยายตัวของสินทรัพย์รวมเอาไว้สูงมากคือประมาณ 60% หรือคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ่น 6,000 ล้านบาท จากสินทรัพย์รวมประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นไปตามเป้า จะทำให้สินทรัพย์ทั้งปีนี้ขยบัขึ้นไปอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท
