xs
xsm
sm
md
lg

รศ. “คิม”อธิการบดีม.รามฯ รู้จักเก็บออมเผื่อวันข้างหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รองศาสตราจารย์คิม ไชยแสนสุข”
คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่ขึ้นลงผันผวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ควรนำเงินออมทั้งหมดมาลงทุนในหุ้น ต้องมีการแบ่งเงินออมเป็นส่วนๆในเงินฝาก หรือตราสารการเงินอื่นๆที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทั่วไปแล้วการแบ่งสัดส่วนเงินมาลงทุนในหุ้นจะแปรผกผันกับอายุของผู้ลงทุน อายุยังน้อยๆก็เล่นหุ้นได้มาก รับความเสี่ยงได้มากกว่า เนื่องจากถ้าขาดทุนในบางช่วงตามความผกผันของตลาดหุ้นก็ยังมีโอกาสรอให้หุ้นดีขึ้นในอนาคต หรือหากขาดทุนเพราะเลือกหุ้นไม่ดี ก็ยังมีโอกาสทำงานหาเงิน แต่ถ้าอายุมากแล้วก็ควรเล่นหุ้นน้อยๆ เพราะเวลาที่เหลือในการแก้ตัวหากเกิดการขาดทุนก็จะน้อยลงตามอายุที่เหลืออยู่..

คอลัมน์ “เจาะพอร์ตคนดัง” ฉบับนี้ทีมงานผู้จัดการกองทุนได้รับเกียรติจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง “รองศาสตราจารย์คิม ไชยแสนสุข” ซึ่งนอกจากจะมาเผยเคล็ดลับการการออมเงินในแบบฉบับของตนเองแล้ว อาจารย์เองยังจะมาเผยถึงการบริหารงานในมหาวิทยาลัยอีกด้วย

อาจารย์คิม เริ่มบอกว่า ช่วงเราเป็นเด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่จะปลูกฝั่งเรื่องของการใช้จ่ายเงินเป็นอย่างมามากเพราะว่าผมไม่ได้มีกินมีใช้มากมายพ่อแม่ก็มีลูกมาก และก็ฐานะทางบ้านก็ไม่ดีทุกคนต้องช่วยกันทำงานหมด ช่วยกันทำมาหากินกันหมด โดยคุณพ่อคุณแม่มีอาชีพค้าขาย มันก็ถูกเรียนรู้จากของจริง ว่าเงินทองแต่ละบาทกว่าจะหามาได้มันยากเย็นแสนเข็นมันก็ทำให้เราเข้าใจการใช้จ่ายเงินมากยิ่งขึ้น

“ในเรื่องการประหยัดออมเงินต้องฝึกให้เป็นนิจสินอย่างที่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสอนเอาไว้ว่าคนเราต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดวันนี้รวยไม่ได้หมายความว่าวันหน้าจะไม่จน วันนี้มีเงินเดือนเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะมีเงินเดือนเยอะตาม ดังนั้นต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด นอกจากพอประมาณแล้วมีเหตุมีผลแล้วเรายังจะต้องรู้จักเผื่อเหลือเผื่อขาด เจริญรอยตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสไว้ ถ้าเรายึดหลักนี้ไว้ได้เชื่อว่าครอบครัวก็แข็งแรงไม่ใช่ว่ามี 10,000 บาท ใช้ 20,000 บาท มันก็เจ๊ง เรามีเท่าไหร่เราก็ต้องเก็บออมเผื่อไว้ในอนาคต ทั้งเผื่อไว้สำหรับตัวเองในการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเผื่อไว้สำหรับลูกหลาน เป็นทุนรอนให้กับเขาด้วย

“กับการสอนลูกในปัจจุบันในเรื่องของการออมเงิน เราจะบอกเขาว่าเงินทองเป็นของหายากอย่าใช้ฟุ่มเฟือย ซึ่งเด็กรุ่นหลังไม่เหมือนรุ่นผมที่เกิดมาด้วยความยากลำบาก ทำมาหากินด้วยความยากลำบาก ยุคปู่ย่าตาทวดเสื่อผื่นหมอนใบ มาช่วงลูกนี่ไม่เห็นแล้ว กินข้าวกับข้าวนิดเดียวกินกันทั้งครอบครัว ตอนเด็กผมมีหน้าที่รับผิดชอบไปซื้อกับข้าวจำได้ว่าซื้อปลาทูเข่งหนึ่ง 50 สตางค์กินกันทั้งครอบครัว สายบัวเก็บฟรีต้มกับเกลือ ปลาทูกินกันทั้งบ้าน เราก็เห็นถึงความยากลำบากเราก็รู้คุณค่า แต่เด็กรุ่นหลัง ๆ มันโตมาไม่ได้ประสบกับความยากลำบากเราก็ต้องสอนเขา” อธิการบดี บอก

เอาละเราได้รู้แนวทางการออมเงินในแบบฉบับของอาจารย์คิม กันมาพอสมควร เราลองมาดูหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตำแหน่งอธิการบดีกันบ้าง....

อาจารย์คิม บอกว่า หน้าที่ความรับผิดชอบคือต้องบริหารทุกสิ่งทุกอย่างของมหาวิทยาลัย บริหารบุคลากร บริหารงบประมาณ บริหารทรัพยากรสถานที่ บริหารเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ รวมถึงแบนด์ของมหาวิทยาลัยตรงนี้สำคัญที่สุด หลักในการบริหารเนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ เป้าหมายสำคัญในการบริหารเพื่อที่บรรลุเป้าหมายของรัฐในด้านการจัดการศึกษานั่นเอง

โดยการขยายงานของเราในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้ต้องขยายตามความจำเป็น ซึ่งต้องคำนึงถึงว่าเมื่อขยายงานออกไปแล้วมันเป็นเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นที่พึ่งทางความรู้ให้แก่สังคมและประชาชน ดังนั้นการขยายงานก็คิดถึงว่าถ้าขยายออกไปแล้วประชาชนได้รับประโยชน์ไหม รวมทั้งข้อจำกัดด้วยเวลาขยายงานบางทีก็มีเรื่องที่ติดขัดอยู่ด้วยในเรื่องของกำลังคน และงบประมาณเราไปไม่ถึงเราก็ไม่สามารถขยายได้นั้นเป็นข้อจำกัด อย่างนี้ก็เป็นอุปสรรค

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดอุปสรรคเราก็ต้องมีวิธีแก้ไขปัญหา และเอาชนะมันให้ได้ หรือเป็นการหาทางออกให้กับปัยหานั้น โดยเราจะไม่ให้เรื่องเงินมาเป็นเรื่องใหญ่ในการขยายงานอย่างแน่นอน เช่น บางทีแทนที่จะต้องใช้คนทำงานสัก 50 คน เราก็ประหยัดงบใช้คนทำงานเพียง 15 คน หรือ 20 คน โดยว่าให้คนแต่ละคนทำหน้าที่มากขึ้น เหมือนตอนที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงใหม่ ๆ อาจารย์ทุกคนจะต้องทำหน้าที่โรเนียมเองด้วย แบกข้อสอบเอง ไปพิมพ์ข้อสอบ อาจารย์ทำได้หลายหน้าที่อย่างนี้เราก็ประหยัดคนไป และงานก็จะบรรลุตามเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

อาจารย์คิมยังบอกเสริมอีกว่า ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ “อย่างนักศึกษา โครงการปริญญาโท ปริญญาเอกจะมีโครงการไปดูงานยังต่างประเทศ เสียค่าใช้จ่ายคนละหลายหมื่นบาท เราก็บอกว่าเก็บตังไว้ก่อนดีกว่าประหยัดเอาไว้ ช่วงนี้งดไปก่อน นอกจากว่ายังประหยัดให้กับตัวเองแล้วยังช่วยประเทศชาติประหยัดได้อีกด้วย ถ้าจะไปประชุมสัมมนาหรือไปดูงานต่างประเทศ เราก็หันมาเที่ยวในประเทศก็เป็นการช่วยอุดหนุนประเทศไปในตัวด้วย อีกทั้งยังเป็นช่วยบริษัททัวร์ที่กำลังจะแย่ได้อีกด้วย มันก็จะเป็นประโยชน์สองด้วยได้ช่วยเหลือประเทศชาติแล้วยังประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงไปอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเราก็ยังเป็นตัวอย่างให้แก่นักศึกษาด้วย ที่ไม่ไปเที่ยวเมืองนอก”

สุดท้ายอาจารย์คิม ฝากบอกว่า ในเรื่องเศรษฐกิจที่มันแย่เราอย่างไปเสียใจกับมัน มันก็เป็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายมันก็เป็นเรื่องธรรมดา มันแย่แล้วมันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะแย่ตลอดไปมันแย่แล้วต่อไปมันก็จะเกิดการฟื้นตัว และในอนาคตมันก็มีโอกาสกลับไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เหมือนกับเรื่องการเกิดแก่เจ็บตาย ฉะนั้นในคราวที่แย่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับคนเรามีเกิด มีเจ็บ มีแก่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นก็ทำใจไว้ ดังนั้นในคราวที่แย่ก็อยากจะให้ทุกคนถนอมเนื้อถนอมตัวอย่าให้บอบช้ำมากในยามที่เศรษฐกิจถดถอยอยู่ในตอนนี้ ประครองตัวไว้รับผลประโยชน์หรือในยามที่เศรษฐกิจมันฟื้นตัว ฉะนั้นถ้าทุกคนได้เจียมเนื้อเจียมตัวอย่างนี้ไว้ เวลาเศรษฐกิจขาลงก็อาจจะเสียหายบ้าง แต่ก็ไม่มากมาย เวลาเศรษฐกิจมันดีขึ้นเราก็ได้ประโยชน์ แต่ก็ควรเตือนตัวเองไว้ว่าเวลาเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองเราก็อย่าหลงเพลิดเพลินไปกับมันมันก็จะไม่หลงตัวเองมาก

///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชื่อ – นามสกุล รองศาสตราจารย์คิม ไชยแสนสุข
วันเดือนปีเกิด 4 กรกฎาคม 2498
จบการศึกษา ปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2)
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาโทพัฒนาบริหารศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาการเศรษฐกิจ)
ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ตำแหน่งปัจจุบัน อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์

กำลังโหลดความคิดเห็น