xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.เเนะรัฐเร่งเรียกความเชื่อมั่น หลัง"คนเสื้อเเดง"ทำเศรษฐกิจพังพินาศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ประสานเสียง เเนะรัฐบาล "อภิสิทธิ์" เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งไทย-เทศกลับคืน เร่งทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น หลังกลุ่ม นปก.ชุมนุมป่วนชาติ ทำเศรษฐกิจไทยพังพินาศ พร้อมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติเมินเข้าไทย ขณะเดียวกัน ยังมองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์การเมืองสงบ
นายวนา พูลผล
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวถึงการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อเเดงที่ผ่านมาลุกลามจนรัฐบาลต้องประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเเน่นอน เเต่ในส่วนของตลาดหุ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่วนนักลงทุนต่างชาตินั้นก็พอใจกับผลงานของรัฐบาล ซึ่งก็ต้องชื่นชมรัฐบาลว่าสามารถจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อภายใต้ข้อจำกัดเเละเงื่อนไขที่ค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เศรษฐกิจของไทยจะฟื้นขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนั้น เราก็ยังคงคาดการณ์ไว้เช่นเดิมคือน่าจะปรับตัวดีขึ้นตั้งเเต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มเห็นผล ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มฟิ้นตัว จึงเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เเละที่สำคัญสถานการณ์การเมืองต้องสงบอีกด้วย ขณะเดียวกันในเเง่ของอุตสหกรรมการท่องเที่ยวนั้น รัฐควรเร่งทำความเข้าใจกับนานาประเทศเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

"อยากเเนะนำให้รัฐเร่งประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจ าความจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น เเละรัฐมีวิธีการเเก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจเเละมั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น"นาย วนา กล่าว

นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บลจ. วรรณ จำกัด กล่าวว่า จากภาวะทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากว่าประเทศไทยเองจะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ๆ เป็น 2 เท่า เพราะนอกจากจะได้รับผลกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกแล้วประเทศไทยเอง ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในประเทศจากปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้ประเทศเองขาดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนมากกว่าประเทศอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า ถึงแม้จะมีปัญหาทางการเมืองในประะเทศก็ตาม แต่ภาครัฐบาลเองก็ได้ทำการแก้ไขได้ลุล่วงไปได้ด้วยดี และนุ่มนวลที่สุด ทำให้เชื่อว่าอีกไม่นานภาวะเศรษฐกิจจะกลับเข้ามาดีขึ้น

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์มองว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งก็ยังมองตามแบบนักวิเคราะห์ที่ได้กล่าวไว้ตามเดิมในช่วงต้นปีที่ผ่าน เพราะจะเห็นได้ว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้ว

ด้านสถาบันวิจัยนครหลวงไทย มองว่า สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในครั้งประวัติศาสตร์นี้จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2552 – 2553 อยู่ระหว่าง การปรับลดกรอบ GDP ในปี 2552 ลงจากเดิมที่คาดไว้ในกรอบ -1.5% ถึง 0.5% เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบที่รุนแรงขึ้น ในขณะที่ภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนมีความเสี่ยงปรับลดลงเช่นกัน จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่คาดว่าจะปรับลดลงอีกครั้ง รวมถึงอัตราการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สำหรับการใช้จ่ายและการลงทุนของรัฐบาลซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจอาจมีความเสี่ยงหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นเช่นการยุบสภาโดยคาดว่าผลกระทบจะต่อเนื่องถึงปี 2553

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับน่าเชื่อถือลงได้อีกซึ่งทางสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับเครดิตได้อีกในอนาคต เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งนำไปสู่การแตกแยกของมวลชน ต้องอาศัยระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ผลกระทบจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือนอกจากกระทบความเชื่อมั่นแล้ว ยังคงส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลกำลังเตรียมแผนที่จะกู้เงินจากต่างประเทศ เพีอที่จะเป็นวงเงินในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยาว ตามแผนในช่วงปี 2552-2555 ซึ่งมีวงเงินทั้งสิ้น 1.56 ล้านล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น