บลจ.กรุงไทย ส่งกองทุนตราสารหนี้ขายต่อเนื่อง ล่าสุด ขาย "กรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1" ชูผลตอบเเทนประมาณ 3 .00 - 3.30% เปิดขายเเล้วถึง 21 เมษายน ขณะเดียวกันเตรียมเปิดไอพีโอกองทุน "กรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 1"ตั้งเเต่ 22ถึง 28 เมษายน 2552นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1 ที่จะให้ผลตอบเเทนอยู่ที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี ตั้งเเต่วันนี้นถึง 21 เมษายน 2552 เเละยังเตรียมขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 1ที่เปิดขายครั้งเเรกตั้งเเต่วันที่ 22 ถึง 28 เมษายน 2552อีกด้วย
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนใน Export –Import Bank of Korea , Korea Development Bank และ Industrial Bank of Korea โดยกองทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศที่ระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ เงินลงทุนในประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยสถาบันการเงินทั้ง3 แห่ง จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เป็นกลไกที่สำคัญของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ( Policy Bank ) โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นใน Export- Import Bank of Korea และ Korea Development Bank ทั้ง 100% และถือหุ้นใน Industrial Bank of Korea ประมาณ 67%
โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝากเเละตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจราณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไป เเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหากดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกำหนด
ขณะที่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 1 จะเน้นลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝาก เเละหรือตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไปเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีที่คณะกรรมการก.ล.ตหรือสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ประกาศกำหนด ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging) เเต่กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note)
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย มองว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจใต้ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นในภาคการผลิตเเละนอกการผลิตเดือนเมษายนอยู่ที่ 60 เเละ 63 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 50 เเละ 61 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งขยายตัว 6.8%MoM หรือ 6.8%MoM เนื่องจากเเผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 17.7 ล้านล้านวอน หรือ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ นอกจากนี้เเม้ว่าโครงการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (FDI)ที่เกาหลีใต้ได้รับในไตรมาส 1 ลดลง 38.2%YoY ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปีคือมีเงินทั้งหมด 1.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเเต่กระทรวงความรู้เเละเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้จะสามารถบรรลุเป้าหมายโครงการ FDI สำหรับปี 2552 ที่ระดับ 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้โดยคาดว่าจะได้รับการลงทุนครั้งใหญ่ช่วงต่อไปของปี
นอกจากนี้ ดุลการค้าเเละดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล เนื่องจากการนำเข้าได้ลดลงมากกว่าการส่งออกที่ลดลง โดยการส่งออกเดือนมีนาคม ลดลง 21.2%YoY อยู่ที่ 28,372ล้านดอลลาร์สหรัฐฯลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จากอุปสงค์ของทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น เเละยุโรปที่อ่อนเเอลง เเต่การนำเข้าได้ปรับลดลงถึง 36.0%YoY อยู่ที่ 23,764 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,682 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลักจากที่ขาดดุลในเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของธนาคารเกาหลีใต้ คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดอาจเกินดุลสูลถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม เนื่องจากค่าวอนที่เเข็งค่าขึ้นทำให้ต้นทุนของสินค้านำเข้าลดลงเเละการจ่ายเงินปันผลเเก่นักลงทุนต่างชาติลดลง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังคงมีเสถียรภาพทั้งภายในประเทศเเละภายนอกประเทศโดยอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงน้อยเทียบกับปีก่อน โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมขยายตัวชะลออยู่ที่ 3.9%YoY เนื่องจากราคาอาหาร ผลิตภัณฑ์ตกเเต่งบ้าน เครื่องดื่มเเอลกอฮอล์เเละเสื้อผ้าปรับลดลง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 4.5%YoY ด้านทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 206.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 201.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินเยนเเละยูโรที่ถือไว้เเข็งค่าขึ้น
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1 ที่จะให้ผลตอบเเทนอยู่ที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี ตั้งเเต่วันนี้นถึง 21 เมษายน 2552 เเละยังเตรียมขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 1ที่เปิดขายครั้งเเรกตั้งเเต่วันที่ 22 ถึง 28 เมษายน 2552อีกด้วย
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนใน Export –Import Bank of Korea , Korea Development Bank และ Industrial Bank of Korea โดยกองทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศที่ระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ เงินลงทุนในประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยสถาบันการเงินทั้ง3 แห่ง จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เป็นกลไกที่สำคัญของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ( Policy Bank ) โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นใน Export- Import Bank of Korea และ Korea Development Bank ทั้ง 100% และถือหุ้นใน Industrial Bank of Korea ประมาณ 67%
โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝากเเละตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจราณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไป เเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหากดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกำหนด
ขณะที่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 12 เดือน 1 จะเน้นลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝาก เเละหรือตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไปเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีที่คณะกรรมการก.ล.ตหรือสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ประกาศกำหนด ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging) เเต่กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note)
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย มองว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจใต้ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นในภาคการผลิตเเละนอกการผลิตเดือนเมษายนอยู่ที่ 60 เเละ 63 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 50 เเละ 61 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งขยายตัว 6.8%MoM หรือ 6.8%MoM เนื่องจากเเผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 17.7 ล้านล้านวอน หรือ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ นอกจากนี้เเม้ว่าโครงการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (FDI)ที่เกาหลีใต้ได้รับในไตรมาส 1 ลดลง 38.2%YoY ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปีคือมีเงินทั้งหมด 1.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเเต่กระทรวงความรู้เเละเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้จะสามารถบรรลุเป้าหมายโครงการ FDI สำหรับปี 2552 ที่ระดับ 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้โดยคาดว่าจะได้รับการลงทุนครั้งใหญ่ช่วงต่อไปของปี
นอกจากนี้ ดุลการค้าเเละดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล เนื่องจากการนำเข้าได้ลดลงมากกว่าการส่งออกที่ลดลง โดยการส่งออกเดือนมีนาคม ลดลง 21.2%YoY อยู่ที่ 28,372ล้านดอลลาร์สหรัฐฯลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จากอุปสงค์ของทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น เเละยุโรปที่อ่อนเเอลง เเต่การนำเข้าได้ปรับลดลงถึง 36.0%YoY อยู่ที่ 23,764 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,682 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลักจากที่ขาดดุลในเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของธนาคารเกาหลีใต้ คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดอาจเกินดุลสูลถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม เนื่องจากค่าวอนที่เเข็งค่าขึ้นทำให้ต้นทุนของสินค้านำเข้าลดลงเเละการจ่ายเงินปันผลเเก่นักลงทุนต่างชาติลดลง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังคงมีเสถียรภาพทั้งภายในประเทศเเละภายนอกประเทศโดยอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงน้อยเทียบกับปีก่อน โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมขยายตัวชะลออยู่ที่ 3.9%YoY เนื่องจากราคาอาหาร ผลิตภัณฑ์ตกเเต่งบ้าน เครื่องดื่มเเอลกอฮอล์เเละเสื้อผ้าปรับลดลง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 4.5%YoY ด้านทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 206.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 201.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินเยนเเละยูโรที่ถือไว้เเข็งค่าขึ้น
