วันนี้ ผมอยากแนะนำให้ทุกท่าน มาลองหาแนวทางการบริหารเงิน แบบง่ายๆ และเป็นแนวทางใหม่ ในภาวะดอกเบี้ยต่ำติดดิน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ของการบริหารการเงินส่วนตัวแบบมืออาชีพ
ท่านเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างมั๊ยว่า “เราจะฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์...ไปทำไม..? ผมเชื่อว่ากว่าร้อยละ 90 ไม่เคยมีท่านใดที่จะตั้งคำถามนี้กับตัวท่านเองเลย เนื่องจากทุกท่านส่วนใหญ่มักจะกระทำตามความเคยชิน ยิ่งสำหรับ มนุษย์เงินเดือน ด้วยแล้วยิ่งแทบจะไม่เคยหวนกลับมาคิดเลยว่า เงินเดือนแต่ละเดือนที่ทุกๆท่านได้รับมานั้น ควรจะเก็บออมไว้ในบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีสะสมทรัพย์ ถือว่าเป็นการบริหารเงินที่ดีอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการบริหารเงินที่ดีที่สุดแล้ว เนื่องด้วยเพราะความสะดวกในการเบิกเงินเพื่อมาใช้สอย อีกทั้งยังมีความมั่นคงในระดับที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันให้กับทุกๆท่านอยู่ และเช่นเดียวกันกับผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือแม้แต่สภาพคล่องส่วนเกินของกิจการ เมื่อมีกระแสเงินสดเป็นบวก ก็มักจะนำเงินมาพักไว้ที่บัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีสะสมทรัพย์
ดังนั้นหลายๆ ท่านจึงมีความรู้สึกว่าการพักเงินหมุนเวียน หรือรายได้ ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ หรือสะสมทรัพย์นั้น ดีอยู่แล้ว หรืออาจเป็นเพราะความเคยชิน เนื่องจากท่านยังไม่มีแนวทางอื่นๆ ที่จะบริหารเงินก้อนนี้เลย และมีอีกหลายๆท่านคิดว่าการบริหารเงินก้อนนี้เป็นเรื่องยุ่งยาก หรือมีค่าใช้จ่ายที่ทำให้ไม่คุ้มค่า ลองมาหาวิธีง่ายๆ สบายๆในการบริหารเงินก้อนนี้กันเถอะครับ
ท่านลองถามตัวท่านเองก่อนซิครับว่า “เงินก้อนนี้สามารถทิ้งไว้ได้นานแค่ไหน” หากเงินก้อนดังกล่าวท่านไม่ได้คิดว่าจะนำไปใช้จ่ายเลย ต้องทิ้งไว้ในบัญชีออมทรัพย์ตั้งแต่ 15 วันขึ้นไป ก็ควรที่จะเริ่มคิดที่จะบริหารเงินดังกล่าวให้ไปอยู่ในที่ๆสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า การฝากเงินออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ
หากคำตอบที่ได้มาว่า เงินก้อนนี้ไม่สามารถอยู่ได้เกินกว่า 15 วัน แล้วเราจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ ?
บางท่านอาจจะตอบว่า“ก็ต้องเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์เหมือนเดิม” แต่นั้นก็ยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเพราะในปัจจุบันมีกองทุนรวมอีกประเภทหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าการฝากออมทรัพย์ และอาจจะดีกว่าเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน ด้วยซ้ำครับ ขณะที่มีระดับความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกับการฝากเงินกับธนาคาร และยังมีความคล่องตัว สามารถขายคืนหรือทำการไถ่ถอนเพื่อรับเงินไปใช้จ่ายได้ในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ เราลองมาทำความรู้จักกับกองทุนรวมตลาดเงินกันดีกว่า
กองทุนรวมตลาดเงิน หรือเรียกว่า Money Market Fund นั้น คือกองทุนที่ระดมเงินออมของทุกท่านไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกินหนึ่งปี เช่น ตั๋วเงินจากระทรวงการคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วเงินจากธนาคารพาณิชย์ หุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชน รวมทั้งเงินฝากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันแล้วอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจะอยู่ระหว่างร้อยละ 1.5 ถึงร้อยละ 2 ต่อปี ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่อัตราร้อยละ 0.75 อัตรดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน และ 6 เดือน อยู่ระหว่าง ร้อยละ 1.00 ถึง 1.75 แต่ยังต้องเสียภาษี
เป็นยังไงละครับ พอท่านทราบอย่างนี้แล้วคิดจะเปลี่ยนใจมาบริหารเงินผ่านกองทุนตลาดเงินกันดีมั๊ย...ครับ เพราะหากท่านเริ่มบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ ก็จะสามารถทำให้ท่านได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มขึ้นได้โดยไม่ยุ่งยากเลย
อย่างไรก็ตาม เราลองมาดูความแตกต่างระหว่างการบริหารเงินออมผ่านการฝากเงินออมทรัพย์กับการลงทุนในกองทุนตลาดเงินว่ามีส่วนต่างกันตรงไหนบ้าง
การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์
ความเสี่ยง : เสี่ยงต่ำ เพราะมีประกันเงินฝาก 100 % แต่ในอนาคตเงินฝากจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ทั้ง 100%
อัตราผลตอบแทน : ร้อยละ 0.75 แต่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ผลตอบแทนแน่นอน
สภาพคล่อง : ถอนปุ๊บได้รับเงินทันที
การลงทุนในกองทุนตลาดเงิน
ความเสี่ยง : เสี่ยงต่ำกว่าการฝากเงินกับธนาคาร หากกองทุนตลาดเงินดังกล่าวลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝาก แต่ความเสี่ยงอาจสูงกว่าการฝากเงิน หากลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทเอกชนในสัดส่วนที่สูง
อัตราผลตอบแทน : ประมาณร้อยละ 1.50 – 2.00 (บุคคลธรรมดา ไม่ต้องเสียภาษี) ผลตอบแทนขึ้นลงไม่แน่นอน
สภาพคล่อง : ต้องรอรับในวันรุ่งขึ้น
เทคนิคการบริหารเงินออมผ่านกองทุนรวมตลาดเงิน
1. ท่านต้องวางแผนการใช้จ่ายเงินล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน (ตามเงื่อนไขการรับเงินคืนของกองทุนแต่ละกองทุน) เพราะเมื่อท่านต้องการถอนเงินคืนท่านจะไม่ได้รับเงินคืนในวันที่ท่านไปถอน แต่จะได้รับในวันรุ่งขึ้น (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกองทุน)
2. ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจะไม่เสียภาษี หัก ณที่จ่าย 15% และสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ทุกวัน ในขณะที่ การเงินฝากประจำ หากท่านมีความจำเป็นต้องการใช้เงินและไถ่ถอนก่อนกำหนด ท่านจะไม่ได้รับดอกเบี้ย (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขฝากประจำแต่ละประเภท)
3. ท่านต้องทราบนโยบายการลงทุนว่าเน้นการลงทุนตราสารภาครัฐหรือเอกชน เพราะจะเป็นกรอบในการกำหนดความเสี่ยงการลงทุนให้ท่านได้ หรืออาจจะพิจารณาจากรายงานสถานะการลงทุนในแต่ละเดือนของกองทุนนั้นๆ ว่าไปลงทุนในตราสารทางการเงินประเภทใดบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงของกองทุนแต่ละกองทุนที่จะเปิดเผยเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ลงทุน
สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าแนวทางการบริหารเงินระยะสั้นผ่านกองทุนรวมตลาดเงินนั้น คงจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งของการบริหารเงิน นอกเหนือไปจากการฝากเงินผ่านธนาคารพาณิชย์
หากท่านสนใจและมองหาทางเลือกให้เงินออมในภาวะดอกเบี้ยต่ำ มา เปลี่ยนใจใช้กองทุนรวมในงาน SET in the city Zone@ Money Expo 2009 ณ Meeting Room 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
"การทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในหนังสือชี้ชวนเสมอก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”
รายงานพิเศษ
โดย...คุณวิโรจน์ ตั้งเจริญ
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)