ASTVผู้จัดการรายวัน - เอวายเอฟชู "อยุธยาทุนทวีปันผล" คว้ารางวัลกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยมในช่วงระยะเวลา 10 ปี จากลิปเปอร์ เหตุให้ผลตอบแทนกว่า 200% โดยได้อานิสงส์จากการเลือกลงทุนถือยาว ในหุ้นศักยภาพดี ทั้ง "สื่อสาร-พาณิชย์"
นายประภาส ตันติพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล (AYF Star Capital) ได้รางวัลประเภทกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยมในช่วงระยะเวลา 10 ปี จาก The Post-Lipper Thailand Fund Awards 2009 น่าจะมาจากกองทุนได้ผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 200% หรือเฉลี่ย 13% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้จะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องใน 3-5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ผู้บริหารกองทุนจะเลือกดูแนวโน้มของอุตสาหกรรมมีการไปเยี่ยมชมบริษัท(company visit) หากมองว่าบริษัทไหนที่มีศักยภาพมีความสามารถในการบริหารได้ดี ก็จะเลือกลงทุนและถือยาว ซึ่งกลุ่มหลักที่เข้าลงทุนคือกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มพาณิชย์ โดยบางช่วงหุ้นที่เข้าไปลงทุนได้รับผลกระทบจากวิกฤติทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแต่ถ้ามั่นใจแล้วว่าหุ้นตัวที่ถืออยู่ดีจริงจะยังไม่ขายออก ซึ่งจะมีมุมมองไปถึงอนาคตมากกว่า
ขณะที่กองทุนผสมจะเลือกรอดูที่จังหวะและอาจจะมีการขายออกไปบ้าง และจะปรับเปลี่ยนตัวหุ้นต่อเมื่อมองผลประกอบการในอนาคตไม่เป็นไปตามที่คาดไว้หรือได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในเชิงลบ จึงจะลดการถือครองในหุ้นของบริษัทนั้น
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2551 กองทุนผสมมีการปรับเปลี่ยนค่อนข้างมากจากวิกฤติในปีที่ผ่านมา ให้ถือเงินสดถึง 50% ในระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ซึ่งมองว่าในปีนี้ดัชนีจะปรับตัวลดลงไปถึง 380 จุด ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และเดือนเมษายนนี้จะเห็น NPL ที่สูงขึ้น ประกอบกับความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง
“เราจะเข้าไปซื้อต่อเมื่อดัชนีต้องต่ำกว่า 400 จุด หรืออาจจะต้องดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง แต่ปัจจุบันพีอีของไทยอยู่ที่ 11 เท่า และหากผลกำไรออกมาติดลบพีอีก็จะกลายเป็น 12% ซึ่งถือว่าไม่ได้ถูก ขณะที่พีอีในหุ้นกลุ่มบลูชิพอยู่ที่ 8%” นายประภาส กล่าว
นายประภาสกล่าวว่า สำหรับกองทุนอยุธยาหุ้นปันผล ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นในพอร์ตเช่นกัน พบว่าสิ้นเดือนมีนาคมดัชนีหุ้นติดลบ 4% กว่า แต่กองทุนนี้ได้รับผลตอบแทน 4% โดยที่ไม่ได้ใช้อนุพันธ์ กองนี้ลงทุนหลักในกลุ่มพาณิชย์ถึง 20% รวมถึงกลุ่มค้าปลีก และสื่อสาร
นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานลงจากเดิมถืออยู่ในสัดส่วน 20% ลดเหลือ 10% กว่า ในกลุ่มธนาคาร เนื่องจากกังวลเรื่องของ NPL ส่วนกลุ่มพลังงานเดิมถือยู่ 40% ลดเหลือ 20% เพราะมองว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่มีความชัดเจนทำให้อาจจะได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของสภาพคล่องในตลาดตอนนี้ไม่น่าห่วง หากเทียบกับในปี 2540 ซึ่งมีบริษัทเสียหายเป็น 100 บริษัท ขณะที่ในปีนี้อาจจะมีบริษัทที่ได้รับความเสียหาย 10-20 บริษัท ซึ่งธุรกิจในอุตสาหกรรมไม่น่าห่วงเพราะไม่มีหนี้มากเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ของทุนไม่เหมือนวิกฤติที่ผ่านมาที่มีหนี้ถึง 30% ของทุน โดยในช่วง 2-3 เดือนนี้การส่งออกจะติดลบ สินเชื่อไม่โต จึงคาดการณ์ดัชนีในปีนี้ทีระดับ 350-500 จุด
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด ได้รับรางวัล Best Fund Over Ten Years : Equity Fund สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล (AYF Star Capital) และ Best Fund Group Over Three Years : Mixed Asset Group สำหรับกลุ่มกองทุนผสม ซึ่งได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 2 (AYFTW2) กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 3 (AYFTW3) และกองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFTSRMF) จากงาน The Post / Lipper Thailand Fund Awards 2009