บลจ.อเบอร์ดีน แจงผลงานกองทุนผสมติดลบ เป็นไปตามตลาดหุ้นที่ผันผวนหนัก แม้จะได้อานิสงส์จากตราสารหนี้ ที่ให้ผลตอบแทนดี เหตุให้น้ำหนักหุ้นมากกว่า ล่าสุด "อเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล" รับพิษ งดจ่ายปันผลผู้ถือหน่วย
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนผสมว่า สำหรับกองทุนรวมผสมของบริษัทนั้น มีด้วยกัน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอลและกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู โดยทั้งสองกองทุนนั้นมีความแตกต่างกันตรงที่ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งแต่สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู นั้นไม่ได้มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ซึ่งทั้งสองกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น 70 % และลงทุนในตราสารหนี้ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวม
ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการกองทุนรวมผสมของอเบอร์ดีนนั้น จะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนไตรมาสละ 2 ครั้ง โดยผู้จัดการกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมีการพบปะพูดคุยพร้อมประชุมร่วมกัน โดยเฉพาะผู้จัดการกองทุนจากสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและมุมมองการปรับเปลี่ยนพอร์ตลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า
นายพงค์ธาริน กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว ในช่วง6 เดือนที่ผ่านมานั้นพบว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานที่ติดลบ เนื่องจากตลาดหุ้นมีความผันผวนในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ทำให้อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดว่าจะเป็นบวก กลับติดลบตามสภาพตลาด เพราะกองทุนผสมของบริษัทนั้น มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ ถึงแม้ว่าในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา การลงทุนในตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อยังติดลบ จึงถือว่าเป็นปัจจัย บวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้เป็นบวกประมาณ 6% แต่ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากตราสารหนี้ไม่ได้ช่วยให้ผลการดำเนินงานเป็นบวกแต่อย่างใด
นางสาว รัตนวรรณ แสงกิติโกมล ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวถึงเกณฑ์มาตรฐานคำนวนโดยใช้สัดส่วนในการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนผสมของบริษัทนั้น บริษัทได้มีการรายงานผลการดำเนินงานของกองทุน 2 แบบด้วยกัน คือแบบที่สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ซึ่งใช้เกณฑ์มาตรฐานคำนวนโดยใช้สัดส่วนการลงทุนในSET INDEX 50% Thai BMA Government Bond Index (Total Return Index) 25% และ1 year fixed deposit rate for 1 million Baht of individual quoted by BBL, KBANK and SCB 25%
ขณะเดียวกัน ในการคำนวนของอเบอร์ดีน จะใช้เกณฑ์มาตรฐานคำนวนโดยใช้สัดส่วนการลงทุนในSET INDEX 70% Thai BMA Government Bond Index (Total Return Index) 15% และ1 year fixed deposit rate for 1 million Baht of individual quoted by BBL, KBANK and SCB 15% ตามสัดส่วนที่บริษัทมีการลงทุนจริงที่จะสะท้อนถึงผลตอบแทนของกองทุนจริงๆที่มีการลงทุนในหุ้นถึง 70% ตราสารหนี้อีก 30%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล จะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เนื่องจากว่าผลการดำเนินงานที่ติดลบจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหากใช้เกณฑ์มาตรฐานภายในบริษัทผลการดำเนินงานของกองทุนจะดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนจะติดลบ แต่ก็สามารถชนะตลาดได้ โดยย้อนหลังไป 6 เดือนกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ -14.53% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ภายในของบริษัทอยู่ที่ -18.77% สามารถชนะตลาดถึง 3-4% ขณะที่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ -14.03% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ภายในของบริษัทอยู่ที่ -18.77% สามารถชนะตลาดถึง 5 % ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือเกณฑ์มาตรฐานทั้งสองกองทุน" นางสาวรัตนวรรณกล่าว
โดยการลงทุนของบริษัท ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน ทำให้อเบอร์ดีนเน้นการลงทุนในระยะเวลา 3-5 ปี โดยการบริหารจัดการในแบบของบริษัทที่เน้นการบริหารในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว บริษัทจะมีการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี ซึ่งศึกษาจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท รวมไปถึงหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี และการลงทุนของเราจะไม่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูงในตลาด
สำหรับการเลือกศึกษาหุ้นที่บริษัทจะลงทุนนั้น บริษัทเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทำความเข้าใจได้ง่าย โดยจะมีการเข้าไปเยี่ยมชมธุรกิจนั้น ซึ่งจากการเข้าเยี่ยมชมทำให้บริษัทได้รู้ถึงพื้นฐานของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน อีกทั้งสามารถประเมิณราคาหุ้นของบริษัทนั้นได้ จากการศึกษาข้อมูลต่างๆทั่วโลกเพื่อนำมาเปรียบเทียบ
นางสาวรัตนวรรณ กล่าวว่า เราจะเน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีในช่วงที่ราคาของหุ้นตัวนั้นถูกเป็นหลัก โดยที่ผ่านมาเนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปมาก ทำให้เรามองหาการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตที่ดีในระยะกลางและระยะยาว แล้วจึงเริ่มทยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ตการลงทุนในช่วงที่หุ้นราคาต่ำ เพราะเรามองว่าหุ้นกลุ่มนี้ดีแล้วโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและการทำกำไรในอนาคตนั้นมีสูง อีกทั้งที่ผ่านมานั้น การปรับพอร์ตของเราจะเป็นการทยอยซื้อมากกว่าที่จะระดมทุนซื้อในครั้งเดียวเพื่อทำกำไรเพราะกองทุนของเราไม่ใช่นักเกร็งกำไร
ขณะเดียวกัน การปรับพอร์ตของบลจ.อเบอร์ดีนในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้มีการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีความทนทานต่อความผันผวนของตลาดหุ้น นอกจากนี้ สำหรับตลาดหุ้นในช่วงนี้ การที่กองทุนจะจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุนนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเยอะมาก การที่ตลาดหุ้นและผลการดำเนินงานของกองทุนติดลบจึงถือเป็นเรื่องปกติมาก
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 27 มีนาคม 2552 พบว่า ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.46% เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -1.44% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-1.39% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -25.06 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -20.18% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-30.74%
ในส่วนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่27 มีนาคม 2552 พบว่า ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.25 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -1.44% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-1.39% และ ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -25.67 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -20.18% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-30.74%
ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานAIMCได้คำนวณโดยใช้สัดส่วนดังนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 50% Thai BMA Index 25% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยประเภทบุคคลธรรมดาวงเงิน 1 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปีของ BBL, KBANK, and SCB 25% ขณะที่ เกณฑ์มาตรฐานภายในได้แก่SET INDEX 70% Thai BMA Government Bond Index (Total Return Index) 15% และ1 year fixed deposit rate for 1
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนผสมว่า สำหรับกองทุนรวมผสมของบริษัทนั้น มีด้วยกัน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอลและกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู โดยทั้งสองกองทุนนั้นมีความแตกต่างกันตรงที่ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งแต่สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู นั้นไม่ได้มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ซึ่งทั้งสองกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น 70 % และลงทุนในตราสารหนี้ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวม
ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการกองทุนรวมผสมของอเบอร์ดีนนั้น จะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนไตรมาสละ 2 ครั้ง โดยผู้จัดการกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมีการพบปะพูดคุยพร้อมประชุมร่วมกัน โดยเฉพาะผู้จัดการกองทุนจากสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและมุมมองการปรับเปลี่ยนพอร์ตลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า
นายพงค์ธาริน กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว ในช่วง6 เดือนที่ผ่านมานั้นพบว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานที่ติดลบ เนื่องจากตลาดหุ้นมีความผันผวนในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ทำให้อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดว่าจะเป็นบวก กลับติดลบตามสภาพตลาด เพราะกองทุนผสมของบริษัทนั้น มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ ถึงแม้ว่าในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา การลงทุนในตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อยังติดลบ จึงถือว่าเป็นปัจจัย บวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้เป็นบวกประมาณ 6% แต่ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากตราสารหนี้ไม่ได้ช่วยให้ผลการดำเนินงานเป็นบวกแต่อย่างใด
นางสาว รัตนวรรณ แสงกิติโกมล ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวถึงเกณฑ์มาตรฐานคำนวนโดยใช้สัดส่วนในการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนผสมของบริษัทนั้น บริษัทได้มีการรายงานผลการดำเนินงานของกองทุน 2 แบบด้วยกัน คือแบบที่สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ซึ่งใช้เกณฑ์มาตรฐานคำนวนโดยใช้สัดส่วนการลงทุนในSET INDEX 50% Thai BMA Government Bond Index (Total Return Index) 25% และ1 year fixed deposit rate for 1 million Baht of individual quoted by BBL, KBANK and SCB 25%
ขณะเดียวกัน ในการคำนวนของอเบอร์ดีน จะใช้เกณฑ์มาตรฐานคำนวนโดยใช้สัดส่วนการลงทุนในSET INDEX 70% Thai BMA Government Bond Index (Total Return Index) 15% และ1 year fixed deposit rate for 1 million Baht of individual quoted by BBL, KBANK and SCB 15% ตามสัดส่วนที่บริษัทมีการลงทุนจริงที่จะสะท้อนถึงผลตอบแทนของกองทุนจริงๆที่มีการลงทุนในหุ้นถึง 70% ตราสารหนี้อีก 30%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล จะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เนื่องจากว่าผลการดำเนินงานที่ติดลบจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหากใช้เกณฑ์มาตรฐานภายในบริษัทผลการดำเนินงานของกองทุนจะดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนจะติดลบ แต่ก็สามารถชนะตลาดได้ โดยย้อนหลังไป 6 เดือนกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ -14.53% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ภายในของบริษัทอยู่ที่ -18.77% สามารถชนะตลาดถึง 3-4% ขณะที่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ -14.03% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ภายในของบริษัทอยู่ที่ -18.77% สามารถชนะตลาดถึง 5 % ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือเกณฑ์มาตรฐานทั้งสองกองทุน" นางสาวรัตนวรรณกล่าว
โดยการลงทุนของบริษัท ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน ทำให้อเบอร์ดีนเน้นการลงทุนในระยะเวลา 3-5 ปี โดยการบริหารจัดการในแบบของบริษัทที่เน้นการบริหารในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว บริษัทจะมีการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี ซึ่งศึกษาจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท รวมไปถึงหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี และการลงทุนของเราจะไม่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูงในตลาด
สำหรับการเลือกศึกษาหุ้นที่บริษัทจะลงทุนนั้น บริษัทเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทำความเข้าใจได้ง่าย โดยจะมีการเข้าไปเยี่ยมชมธุรกิจนั้น ซึ่งจากการเข้าเยี่ยมชมทำให้บริษัทได้รู้ถึงพื้นฐานของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน อีกทั้งสามารถประเมิณราคาหุ้นของบริษัทนั้นได้ จากการศึกษาข้อมูลต่างๆทั่วโลกเพื่อนำมาเปรียบเทียบ
นางสาวรัตนวรรณ กล่าวว่า เราจะเน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีในช่วงที่ราคาของหุ้นตัวนั้นถูกเป็นหลัก โดยที่ผ่านมาเนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปมาก ทำให้เรามองหาการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตที่ดีในระยะกลางและระยะยาว แล้วจึงเริ่มทยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ตการลงทุนในช่วงที่หุ้นราคาต่ำ เพราะเรามองว่าหุ้นกลุ่มนี้ดีแล้วโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและการทำกำไรในอนาคตนั้นมีสูง อีกทั้งที่ผ่านมานั้น การปรับพอร์ตของเราจะเป็นการทยอยซื้อมากกว่าที่จะระดมทุนซื้อในครั้งเดียวเพื่อทำกำไรเพราะกองทุนของเราไม่ใช่นักเกร็งกำไร
ขณะเดียวกัน การปรับพอร์ตของบลจ.อเบอร์ดีนในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้มีการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีความทนทานต่อความผันผวนของตลาดหุ้น นอกจากนี้ สำหรับตลาดหุ้นในช่วงนี้ การที่กองทุนจะจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุนนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเยอะมาก การที่ตลาดหุ้นและผลการดำเนินงานของกองทุนติดลบจึงถือเป็นเรื่องปกติมาก
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ลแคปปิตอล มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 27 มีนาคม 2552 พบว่า ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.46% เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -1.44% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-1.39% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -25.06 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -20.18% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-30.74%
ในส่วนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีน แวลู มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่27 มีนาคม 2552 พบว่า ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.25 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -1.44% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-1.39% และ ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -25.67 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานAIMCจะอยู่ที่ -20.18% หากเทียบกับเกณฑ์ที่สะท้อนถึงผลตอบแทนกองทุนของบริษัทจะอยู่ที่-30.74%
ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานAIMCได้คำนวณโดยใช้สัดส่วนดังนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 50% Thai BMA Index 25% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยประเภทบุคคลธรรมดาวงเงิน 1 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปีของ BBL, KBANK, and SCB 25% ขณะที่ เกณฑ์มาตรฐานภายในได้แก่SET INDEX 70% Thai BMA Government Bond Index (Total Return Index) 15% และ1 year fixed deposit rate for 1