บลจ.เอสซีบี ควอนท์ มองเศรษฐกิจสหรัฐฯยังทรงต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือนที่ผ่านมา เชื่อนักลงทุน คลายความกังวลกับวิกฤติเศรษฐกิจ และเริ่มส่งสัญญาณกลับเข้ามาลงทุนเเล้ว
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิรมล ผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัด (SCBQ) ให้ความเห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในช่วงนี้ว่า ระยะนี้ตลาดหุ้นของสหรัฐฯรีบาวน์ขึ้นนั้น น่าจะขึ้นอยู่กับจังหวะเเละตัวเเปรหลายตัว ซึ่งนักลงทุนเริ่มเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น การที่รัฐบาลจัดการกับระบบธนาคารดึงนักลงทุนเข้ามาซื้อหนี้เสีย หรือ การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่เรียกได้ว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายของนักลงทุน เป็นต้น ขณะเดียวกันระดับราคาหุ้นของสหรัฐฯนั้นต่ำมากเกินกว่าความเป็นจริง ทำให้ราคาปรับขึ้นมาค่อนข้างมาในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดหุ้นในสหรัฐฯนั้น ยังค่อนข้างทรงตัวจากสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งหากมองในเเง่ดี เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะไม่ทรุดตัวลงไปกว่านี้เเล้ว เห็นได้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กล้าใช้จ่ายมากขึ้น จากการบริหารประเทศของรัฐบาล ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาตัวเลขทางเศรษฐกิจอาจจะดูไม่ดีนัก เเต่ภาพรวมตลาดหุ้นได้รับข่าวดีจากภาพรวมหลายอย่างที่เกี่ยวพันกับหุ้นทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันการที่ประธานาธิบดี บารัด โอบามา ประกาศว่าอาจจะต้องให้ เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) และ ไครสเลอร์ ล้มละลายนั้น ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเพียงเเค่ไม่นาน หลังจากนั้นดัชนีหุ้นดาวโจนส์ก็เป็นบวก ซึ่งเเสดงให้เห็นว่านักลงทุนคลายความกังวลกับวิกฤติที่เกิดขึ้น
ทางด้านภาพรวมของเศรษฐกิจไทยนั้น ได้รับผลกระทบเรื่องการส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญ เเน่นอนว่าเราส่งออกไปยังสหรัฐฯเเละยุโรป โดยทั้ง2 ทวีปนั้น ก็ได้รับผลกระทบในเรื่องของเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเรื่องการส่งออกนั้นรัฐบาลเองก็ควบคุมไม่ได้ จึงทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังทรงตัวอีกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเเก้ปัญหาของรัฐบาลนั้นคิดว่ามาถูกทางเเล้ว รัฐเองก็กระตุ้นการบริโภคให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศ ส่วนความเข็งเเกร็งของสถาบันการเงินไทยนั้นยังมีอยู่ค่อนมาก สำหรับปัจจัยทางการเมืองที่กำลังมีปัญหาอยู่นี้ มองว่าเป็นปัญหาในระยะสั้นซึ่งทางรัฐบาลก็ไม่ได้โต้ตอบกลุ่มผู้ชุมนุมเเต่อย่างใด เชื่อว่าการชุมนุมของคนเสื้อเเดงนี้จะไม่ยาวนานอย่างที่ประกาศไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผลให้เอสแอนด์พีทำสถิติเดือนดีที่สุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2545 หลังนักลงทุนฉวยซื้อหุ้นธนาคารและเทคโนโลยีในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเพิ่มแรงสนับสนุนผลักให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์หลัง หลังจากโบรกเกอร์ของดาเวนพอร์ต แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นของไมโครซอฟต์คอร์ป โดยชี้ถึงอุสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเอสแอนด์พี จะขยับขึ้นถึงร้อยละ 8.5 ในเดือนมีนาคม ถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ธันวาคมปี 2545แต่ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจก็ทำให้เอสแอนด์พี ในช่วงไตรมาสแรกของปี ยังลดลงถึง 11.7 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ทางรัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551นั้นหดตัวลง 6.3 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังน้อยกว่า 6.6 เปอร์เซ็นต์ ตามที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนมองว่ามีสัญญาณหลายอย่างปรากฎขึ้นว่าอย่างน้อยขอบเขตบางส่วนของเศรษฐกิจอเมริกาได้ดิ่งถึงจุดต่ำสุดแล้วและอาจพร้อมที่จะดีดตัวกลับมา ขณะที่ยอดคนว่างงานสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.2 เปอร์เซ็นต์ เป็น 652,000 ตำแหน่งช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มีนาคม 2552