เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ (30) กลับไปต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง หลังค่าเงินดอลลารแข็งค่าขึ้นและวอลล์สตรีทที่ทรุดตัวลงสืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและภาคอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯที่ประสบปัญหา
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 3.97 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตกไปต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม
ทั้งนี้ น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดร่วงลงต่ำสุดระหว่างซื้อขายในวันจันทร์ (30) ที่ 48.11 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคยดีดตัวขึ้นไปสูงสุดเกือบ 55 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความหวังต่อภาวะเศรษฐกิจที่ส่อเค้าฟื้นตัวจากกรณีตัวเลขทางเศรษฐกิจดีกว่าที่คาดหมายไว้
ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ร่วงลง 3.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดิ่งต่ำกว่าระดับจิตวิทยา 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม
ด้านวอลล์สตรีทปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันจันทร์ (30) หลังรัฐบาลเตือนว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ส และไครสเลอร์ อาจต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายและธนาคารอีกหลายแห่งยังต้องการเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพิ่มเติม จุดเชื้อแห่งความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 254.16 จุด (3.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,522.02 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 28.27 จุด (3.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 787.67 จุด ขณะที่ แนสแดก ปิดตลาด ลดลง 43.40 จุด (2.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,501.80 จุด
ทำเนียบขาวแสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวเมื่อวันจันทร์ (30) ต่อเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ต่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่อ่อนแอ โดยบอกว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ส บริษัทรถยนต์รายใหญ่ในบิ๊กทรีดีทรอยต์ จำเป็นต้องมีแผนปฏิรูปโครงร่างในเชิงรุกภายใน 60 วัน ส่วนไครสเลอร์ แอลแอลซี ต้องหาทางควบรวมกิจการกับบริษัทเฟียตให้ได้ภายใน 30 วัน
