บลจ.ทิสโก้ประเดิมยืดอายุกองบอนด์ต่างประเทศแล้ว 1 กอง"ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร"เพิ่มเงื่อนไขตั้งเป้าการขยายตัวเอ็นเอวี 10 บาทก่อนขาย ส่วนกองกีวี่-ออสซี่ยังต้องใช้เวลา เนื่องจากยังไม่ครบอายุโครงการ แต่ยังเชื่อผลการดำเนินงานน่าจะดีขึ้นได้หลังราคาน้ำมันเริ่มปรับตัว ขณะเดียวกันเตรียมส่งกองหุ้นกู้ ทิสโก้ สเปเชี่ยลพลัส 11 ล่อใจนักลงทุนอีกเดือนนี้ หลังกองในตระกูลเดียวกันได้รับการตอบรับอย่างดี
นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-ธุรกิจกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนในการยืดอายุโครงการของกองทุนบอนด์ต่างประเทศที่บริษัทบริหารอยู่นั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 1 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร โดยจะมีการเพิ่มเงื่อนไขในการครบกำหนดอายุ กล่าวคือจะมีเป้าหมายในการลงทุนหากหน่วยลงทุนปรับตัวขึ้นในระดับที่กำหนดไว้คือ 10 บาทต่อหน่วยก็จะทำการยกเลิกโครงการและคืนเงินให้แก่นักลงทุนทันที
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และ ที่กำลังใกล้จะครบกำหนดทางบริษัทเองจะทำในแนวทางเดียวกัน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างยื่นขอมติกับผู้ถือหน่วยลงทุน และคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือนก่อนที่ผู้ถือหน่วยจะตอบกลับแล้วจึงยื่นเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์น่าจะผลการดำเนินงานดีขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9 บาทกว่าต่อหน่วยแล้ว โดยหากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึนมาเล็กน้อยก็น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศในแถบนี้ได้
นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนการออกกองทุนพันธบัตรต่างประเทศเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยจะเน้นเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในตอนต้นปีมากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับหุ้นกู้เอกชนภายในประเทศ ซึ่งคาดว่ากองทุนที่จะนำเสนอขายอีกจะเป็นกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชียลพลัส 11 ที่ลงทุนในหุ้นกู้เอกชน และในสัปดาห์หน้าคงจะมีความคืบหน้าและสามารถประมาณการณ์ผลตอบแทนให้นักลงทุนรับทราบได้
ทั้งนี้ สำหรับมุมมองส่วนตัวในขณะนี้เชื่อว่า กองทุนที่น่าสนใจขณะนี้น่าจะเป็นกองทุนหุ้น โดยนักวิเคราะห์หลายฝ่ายยังคงมองว่า สถาการณ์เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นได้ และมาตรการต่างๆ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานำมาแก้ไขน่าจะเริ่มมีผล ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา แผนการเพิ่มเงินเข้าอุตสหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ของประเทศ อย่างเดมเลอร์ จะยังไม่ผ่านก็ตามแต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในระยะยาว
"ตอนนี้การแก้ปัญหาเริ่มจะมีผลแล้ว และหากมองว่าในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงที่มันตกลงมาต่ำสุดแล้ว ในไตรมาส 3 และ 4 ก็น่าจะดีขึ้น ซึ่งเงินเองมันจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นก่อนอยู่แล้ว และทางบริษัทเองก็มีกองทุนหุ้นเกือบทุกรูปแบบเอาไว้รองรับแล้ว โดยถ้าเศรษฐกิจฟื้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันก็น่าจะฟื้นกอง ออยล์ฟันด์ก็จะตอบสนองนักลงทุนได้ แต่ถ้ามองว่าประเทศที่จะฟื้นเร็วเป็นจีนและอินเดีย เราก็มีกองไชน่าอินเดียเอาไว้รองรับอยุ่แล้ว แต่ในส่วนตีมแปลกของกองทุนตอนนี้คงยังไม่มี"นางสาวธีรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนงานของ บลจ.ทิสโก้ในปี 2552 ได้มีการตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM)ในปีนี้ เอาไว้ที่ประมาณ 20% ส่วน AUM ของบลจ.ทิสโก้ในปีที่ผ่านมาพบว่า อยู่ที่ 106,985 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 68,525 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 64.1%, กองทุนส่วนบุคคล 23,848 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.3% และกองทุนรวม 14,612 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.7%
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาบลจ.ทิสโก้ ได้เปิดขายกองทุนไปแล้วทั้งสิ้น 7 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดทิสโก้ สเปเชียล พลัส 6-10 กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชียแปซิฟิก เอ็กซ์เจแปน ทริกเกอร์ 15%#3 และกองทุนเปิดทิสโก้ ออยล์ฟันด์ โดยมียอดเงินลงทุนรวมกันแล้วประมาณ 2000 ล้านบาท