“K-TREASURY”ยอดพุ่งแตะ 1.2 แสนล้านบาท “รพี”เชื่อปี 52 ยังขยายตัวต่อเนื่อง เหตุสะดวก-ความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก ขณะเดียวกันยอมรับหากตลาดหุ้นอาจกระทบขนาดของกองทุนประเภทนี้ได้เช่นกัน หลังนักลงทุนส่วนใหญ่ใช้เป็นที่พักเงินช่วงการลงทุนผันผวน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า การขยายตัวกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY)อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นจุดเด่นของกองทุนนี้ที่มีความสะดวกสบายเช่นเดียวกับการฝากเงิน และยังมีความเสี่ยงใกล้เคี่ยงกัน แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการฝากเงินแบธรรมดา โดยปัจจุบันขนาดของกองทุนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 122,186 ล้านบาท จากเดิมในช่วงต้นซึ่งอยู่ที่ประมาณ 100,563 ล้านบาท
"กองนี้จะมีความสะดวกเป็นหลัก เพราะเป็นกองมันนี่มาร์เก็ตแต่ลงทุนในตราสารของภาครัฐเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนสามารถขายคืนได้ทุกวัน นอกจากนี้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังทำให้ เอ็นเอวีของกองทุนนี้ไม่แกว่งมากนัก"นายรพีกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้กองทุนประเภทนี้น่าจะขยายตัวขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง โดยกองมันนีมาร์เก็ตของบริษัทในปัจจุบันจะแบ่งเป็น กองทุนเปิด K-TREASURY และK-MONEY ซึ่งจะมีความแตกต่างในตราสารที่ลงทุนคือ กอง K-TREASURY จะลงทุนแต่ตราสารหนี้ภาครัฐเต็มจำนวน 100% แต่ในส่วนของ K-MONEY จะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐ และเอกชนในสัดส่วนไม่เกิน 40%ของขนาดกองทุน โดยความแตกต่างของนโยบายการลงทุนเองก็จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุน K-MONEYจะสูงกว่ากองทุน K-TREASURY
นายรพี กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้เชื่อว่ากองทุนจะขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากมีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากแต่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน นอกจากนี้การที่การลงทุนมีความผันผวนจากวิกฤตเศรษฐกิจก็น่าจะทำให้กองทุนนี้ขยายตัวได้อีก ซึ่งนักลงทุนบางส่วนได้นำเงินมาพักเอาไว้ในกองทุนนี้ เพื่อรอการลงทุนในรูปแบบอื่นต่อไป หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวดีขึ้น
"กองทุนเปิด K-TREASURYน่าจะเหมือนเป็นที่พักเงิน ซึ่งหากมีกองทุนตราสารหนี้รูปแบบอื่นออกมาตอบสนองความต้องการได้มากกว่าเขาก็อาจจะนำเงินไปลงทุน นอกจากนี้หากตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีขึ้นก็อาจมีผลกระทบต่อกองทุนประเภทนี้ได้เหมือนกัน เพราะมันจะมีการโยกเงินลงทุนบางส่วนไป โดยนับเป็นการไหลเข้าไหลออกก็จะทำให้กองทุนนี้ลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ตามภาวะที่เกิดขึ้น"นายรพีกล่าว
ส่วนการปรับตัวลดอย่างต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ย นายรพี กล่าวว่า ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผลตอบแทนของกองทุน K-TREASURYลดลงไปด้วยนั้น คงจะไม่มีผลต่อความน่าสนใจของกองทุนนี้มากนัก เนื่องจากเชื่อว่าผลตอบแทนที่ได้ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากอยู่ โดยเมื่อเปรียบเทียบจากความเสี่ยงและความสะดวกสบายที่ใกล้เคียงกับเงินฝากแล้ว นักลงทุนเองก็น่าจะยังคงให้ความสนใจกับกองทุนนี้อยู่
นายรพี กล่าวอีกว่า การทยอยครบกำหนดอายุของกองทุนพันธบัตรเกาหลี ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในส่วนของกองทุนเปิด K-TREASURY บางหรือเปล่า แต่หากมองว่าเป็นที่พักเงินเพื่อรอการลงทุนในกองทุนอื่นก็นับว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจ โดยบริษัทเองได้หาผลิตภัณฑ์มารองรับการครบกำหนดของกองทุนพันธบัตรเกาหลีอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ทุกบลจ.น่าจะมีการทยอยออกกองทุนต่างประเทศมารองรับกองทุนประเภทนี้อย่างต่อเนื่องแน่นอน
อนึ่ง นโยบายของกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY)โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำและมุ่งหวังผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับจากดอกเบี้ยหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือที่รัฐบาลค้ำประกันโดยกองทุนจะลงทุนส่วนใหญ่ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้อื่นใดที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหรือเทียบเท่าพันธบัตรที่กล่าวมา โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes)
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า การขยายตัวกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY)อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นจุดเด่นของกองทุนนี้ที่มีความสะดวกสบายเช่นเดียวกับการฝากเงิน และยังมีความเสี่ยงใกล้เคี่ยงกัน แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการฝากเงินแบธรรมดา โดยปัจจุบันขนาดของกองทุนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 122,186 ล้านบาท จากเดิมในช่วงต้นซึ่งอยู่ที่ประมาณ 100,563 ล้านบาท
"กองนี้จะมีความสะดวกเป็นหลัก เพราะเป็นกองมันนี่มาร์เก็ตแต่ลงทุนในตราสารของภาครัฐเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนสามารถขายคืนได้ทุกวัน นอกจากนี้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังทำให้ เอ็นเอวีของกองทุนนี้ไม่แกว่งมากนัก"นายรพีกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้กองทุนประเภทนี้น่าจะขยายตัวขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง โดยกองมันนีมาร์เก็ตของบริษัทในปัจจุบันจะแบ่งเป็น กองทุนเปิด K-TREASURY และK-MONEY ซึ่งจะมีความแตกต่างในตราสารที่ลงทุนคือ กอง K-TREASURY จะลงทุนแต่ตราสารหนี้ภาครัฐเต็มจำนวน 100% แต่ในส่วนของ K-MONEY จะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐ และเอกชนในสัดส่วนไม่เกิน 40%ของขนาดกองทุน โดยความแตกต่างของนโยบายการลงทุนเองก็จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุน K-MONEYจะสูงกว่ากองทุน K-TREASURY
นายรพี กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้เชื่อว่ากองทุนจะขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากมีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากแต่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน นอกจากนี้การที่การลงทุนมีความผันผวนจากวิกฤตเศรษฐกิจก็น่าจะทำให้กองทุนนี้ขยายตัวได้อีก ซึ่งนักลงทุนบางส่วนได้นำเงินมาพักเอาไว้ในกองทุนนี้ เพื่อรอการลงทุนในรูปแบบอื่นต่อไป หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวดีขึ้น
"กองทุนเปิด K-TREASURYน่าจะเหมือนเป็นที่พักเงิน ซึ่งหากมีกองทุนตราสารหนี้รูปแบบอื่นออกมาตอบสนองความต้องการได้มากกว่าเขาก็อาจจะนำเงินไปลงทุน นอกจากนี้หากตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีขึ้นก็อาจมีผลกระทบต่อกองทุนประเภทนี้ได้เหมือนกัน เพราะมันจะมีการโยกเงินลงทุนบางส่วนไป โดยนับเป็นการไหลเข้าไหลออกก็จะทำให้กองทุนนี้ลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ตามภาวะที่เกิดขึ้น"นายรพีกล่าว
ส่วนการปรับตัวลดอย่างต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ย นายรพี กล่าวว่า ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผลตอบแทนของกองทุน K-TREASURYลดลงไปด้วยนั้น คงจะไม่มีผลต่อความน่าสนใจของกองทุนนี้มากนัก เนื่องจากเชื่อว่าผลตอบแทนที่ได้ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากอยู่ โดยเมื่อเปรียบเทียบจากความเสี่ยงและความสะดวกสบายที่ใกล้เคียงกับเงินฝากแล้ว นักลงทุนเองก็น่าจะยังคงให้ความสนใจกับกองทุนนี้อยู่
นายรพี กล่าวอีกว่า การทยอยครบกำหนดอายุของกองทุนพันธบัตรเกาหลี ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในส่วนของกองทุนเปิด K-TREASURY บางหรือเปล่า แต่หากมองว่าเป็นที่พักเงินเพื่อรอการลงทุนในกองทุนอื่นก็นับว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจ โดยบริษัทเองได้หาผลิตภัณฑ์มารองรับการครบกำหนดของกองทุนพันธบัตรเกาหลีอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ทุกบลจ.น่าจะมีการทยอยออกกองทุนต่างประเทศมารองรับกองทุนประเภทนี้อย่างต่อเนื่องแน่นอน
อนึ่ง นโยบายของกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY)โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำและมุ่งหวังผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับจากดอกเบี้ยหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือที่รัฐบาลค้ำประกันโดยกองทุนจะลงทุนส่วนใหญ่ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้อื่นใดที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหรือเทียบเท่าพันธบัตรที่กล่าวมา โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes)