xs
xsm
sm
md
lg

ไอเอ็นจีตั้งกองทุนรับวัยเกษียณเสนอ3ทางเลือกลงทุนตามอายุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ไอเอ็นจี เปิดตัว "ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล" กองทุนรวมรับวัยเกษียณ เสนอทางเลือกลงทุน 3 ช่องทาง โดยใช้ปีที่ผู้ลงทุนต้องการเกษียณอายุ เป็นตัวกำหนดเป้าหมาย ชูจุดเด่นปรับพอร์ตตราสารทุน-ตราสารหนี้แบบอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน ด้วยการเพิ่มสัดส่วนลงมันนี่มาร์เก็ต 100% ในช่วงกองทุนใกล้ครบอายุ เปิดขายไอพีโอ 19-26 มีนาคมนี้
 
 นายมาริษ  ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มช่องทางการลงทุนให้ลูกค้า ผ่านกองทุนใหม่จำนวน 3 กองทุน ภายใต้ชื่อกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล โดยกองทุนดังกล่าว ถูกออกแบบการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับช่วงอายุของผู้ลงทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2015 กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2020 และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2025 โดยใช้ปีที่ผู้ลงทุนต้องการเกษียณอายุเป็นตัวกำหนดเป้าหมายการลงทุน
มาริษ  ท่าราบ
โดยจุดเด่นของทั้ง 3 กองทุนนั้น จะปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้แบบอัตโนมัติ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน เมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุของกองทุนนั้น ทางผู้จัดการกองทุนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นหรือมันนี่มาร์เก็ตไปเรื่อยๆจนถึงระดับ 100% โดยทั้ง 3 กองทุน อยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งและจัดการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และจะเปิดขายได้ในวันที่ 19-26 มีนาคม 2552 นี้
 "กองทุนทั้ง 3 จะเป็นกองทุนที่ลงทุนเพื่อวางเเผนเกษียณในอนาคต ซึ่งจะเเตกตต่างจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรืออาร์เอ็มเอฟ ที่กำหนดเพดานการลงทุน เเละที่สำคัญคือกองทุนอาร์เอ็มเอฟนั้น ไม่ได้ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุที่จะเกษียณ เหมือนกับกองทุนกองทุนไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล ซึ่งเราอยากให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นว่า เราได้ออกแบบการปรับเปลี่ยนพอร์ตตามความเสี่ยงที่สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนไว้เป็นอย่างดีระหว่างหุ้น ตราสารหนี้และเงินสด ทำให้ผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะของการลงทุนและการเลือกลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ เพราะทางไอเอ็นจีจะทำการปรับสัดส่วนการลงทุนให้ผู้ลงทุนเองโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ที่จะทยอยลดการลงทุนในตราสารทุนไปสู่ตราสารหนี้ระยะสั้น เมื่อกองทุนเข้าใกล้วันหมดอายุ ซึ่งเมื่อสิ้นสุดโครงการ สัดส่วนการลงทุนจะขยับเข้าสู่การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นครบ 100% ” นายมาริษกล่าว
 โดยกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2025 จะมีอายุโครงการ 16 ปี 8 เดือน แต่มีสภาพคล่องด้วยการเปิดให้ซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีอายุ 40-45 ปี และคาดว่าอยากจะเกษียณอายุในวัยประมาณ 60 ปี คือ ในปี 2023-2028 ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ยังอยู่ในวัยทำงานที่แสวงหาทั้งความมั่นคงในหน้าที่การงาน และความ   มั่งคั่งให้กับตนเอง การแสวงหาผลตอบแทนที่ดีพร้อมกับการยอมรับความเสี่ยงจึงยังมีได้มาก ดังนั้น สัดส่วนการลงทุนจะเน้นการลงทุนในตราสารทุนในช่วงปีแรกไม่เกินกว่า 55%  แต่ในปีใกล้สิ้นอายุของกองทุน ตราสารในพอร์ตการลงทุนจะมีการเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้นจนกลายเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งหมดในวันสิ้นอายุกองทุน เพื่อลดความเสี่ยงในตลอดช่วงอายุการลงทุน
ขณะที่กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2020 จะมีอายุโครงการ 11 ปี 8 เดือน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีอายุ 45-50 ปี โดยคาดว่าจะเกษียณที่อายุประมาณ 60 ปี ในปี 2018-2023 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสม่ำเสมอของรายได้และ  รับความเสี่ยงได้น้อยลง ดังนั้น จึงให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น โดยจะลงทุนในตราสารทุนในช่วงปีแรกไม่เกินกว่า 45%
 ส่วนกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2015 อายุโครงการ 6 ปี 8 เดือน เป็นกองทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนที่มีอายุ 50-55 ปี ซึ่งคาดว่าจะเกษียณที่อายุประมาณในปี 2013-2023 ดังนั้น การจัดสรรการลงทุนจะเน้นความปลอดภัยมากกว่าผลตอบแทนที่สูง เพื่อเตรียมเงินทุนไว้รองรับการใช้จ่ายในยามเกษียณแล้ว โดยในช่วงปีแรกจะลงทุนในตราสารทุนไม่เกินกว่า 30% และจะกลายเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นในที่สุด
 นายมาริษกล่าวต่อว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการจำนวน 150 บริษัท จะขอยกเว้นจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นระยะเวลา 1 ปีนั้น มองว่ากลุ่มที่มีโอกาสที่จะของดจ่ายเงินเข้ากองทุนดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิคส์ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อในต่างประเทศที่ลดลง ซึ่งมาจากความต้องการใช้สินค้าที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งการพิจารณาสำหรับบริษัทที่จะงดจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น จะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยดูจากความสามารถ และผลกระทบที่ได้รับจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง  เนื่องจากการงดจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะกระทบต่อการออมของประชาชนในระยะยาว และจะทำให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่สามารถเติบโตขึ้นได้
 "ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.เรานั้น ขณะนี้ยังไม่พบปํญหา ซึ่งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่จะเจรจาของดจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ " นายมาริษกล่าว
 ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นายมาริษให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันนั้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล  ซึ่งในวันที่ 15 มีนาคมนี้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันหรือโอเปก จะมีการประชุมเพื่อลดกำลังการผลิตลง ราคาน้ำมันในระยะยาวก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล และ 80 เหรียญ/บาร์เรลได้  อย่างไรก็ตามจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าวเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่  ซึ่งน่าจะส่งผลต่อภาพรวมตลาดฯ ให้ดีขึ้น
 สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าของไทยเป็นหลัก เนื่องจากประเทศไทยมีสัดส่วนในการส่งออกที่สูง นอกจากนี้ หากรัฐบาลไทยมีมาตรการระยะยาวในการลงทุนและการจ้างงาน ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจปรับตัวเร็วขึ้นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น