การลงทุนในกองทุนหุ้นในปัจจุบันนี้ที่ได้ผลตอบแทนที่ดีนั้น ถือว่าสร้างความท้าท้ายให้กับผู้จัดการกองทุนเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าเศรษฐกิจ ได้อยู่ในช่วงชะลอตัวอย่างนัก จากปัจจัยต่างๆที่ได้เข้ามาส่งผลกระทบให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดิ่งเหวอยู่ในปัจจุบัน วันนี้ "คอลัมน์ BEST OF FUND" ขอพานักลงทุนมารู้จักกับกองทุนหุ้นที่สามารถฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆนาๆจนสร้างผลตอบแทนอยู่ในอันดับ 1 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดพอร์ตการลงทุนโดยละเอียดจากผู้จัดการกองทุนเพื่อให้นักลงทุนได้ศึกษาข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็น อันดับ 1. ได้แก่ กองทุนเปิด อยุธยาหุ้นปันผล ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)อยุธยา จำกัด หรือ บลจ.เอวายเอฟ ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 2.31% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 6.41%
อันดับ 2. กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่1.94% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 6.04%
อันดับ 3. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ ของ บลจ. กับผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่ อเบอร์ดีน 1.52% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน อยู่ที่ 5.62%
อันดับ 4. กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของบลจ.เอวายเอฟ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.50% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.60%
อันดับ 5. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส กองทุนที่ 2 ของบลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.41% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.51%
อันดับ 6. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกรท กองทุนที่ 3 ของบลจ.อเบอร์ดีนที่ติด 1 ใน 10 ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.32% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.42%
อันดับ 7.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ภายใต้การบริหารของบลจ.อเบอร์ดีน ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.24% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.86%
อันดับ 8. กองทุนเปิด กรุงศรี-พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ กของบลจ.พรีมาเวสท์ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.44% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.66%
อันดับ 9. กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์แวลู อีกหนึ่งกองทุนใน 10 อันดับแรกของบลจ.พรีมาเวสท์ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่ -1.71% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.39%
และ อันดับ 10. กองทุนเปิดแอสเซทพลัสซีเล็คทีฟสต็อกส์ 18/18 ของบลจ.แอสเซทพลัส ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่ -1.90% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.20%
เปิดพอร์ตการลงทุนกองทุนอันดับ1
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ กล่าวว่า สำหรับการบริหารจัดการกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล นั้น กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงในอดีต โดยมีแนวโน้มและศักยภาพทางธุรกิจสูง รวมไปถึงมีการจ่ายปันผลที่สูงในอนาคตด้วย
"เราจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงทั้งในอดีต และมีในอนาคต โดยบริษัทดังกล่าวนั้น จะต้องมีกระแสเงินสดที่ดี มีสภาพคล่องสูง และนำเงินสดที่มีมาจ่ายปันผลที่สูงๆให้นักลงทุนได้ อีกทั้งบริษัทต้องมีการเติบโตที่ดีทั้งในอดีตและอนาคต เป็นการเติบโตที่สม่ำเสมอไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพราะจากจุดนี้จะทำให้บริษัทมีการจ่ายปันผลที่สูงต่อเนื่องในอนาคตได้" นายประภาสกล่าว
ในส่วนการลงทุนของกองทุนAYFSDIV ค่อนข้างเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยเลือกลงทุนในหุ้นเกือบ100% โดยมีการถือเงินสดเพียง 1-2% เท่านั้น ด้านการปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนนั้น จะปรับพอร์ตการลงทุนน้อยมาก เพราะการลงทุนของบริษัทไม่ได้เน้นที่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในขณะนั้น แต่เป็นการเน้นการจ่ายปันผลที่สูง และมองถึงเศรษฐกิจในอีก 1-2 ปีข้างหน้าแทน
ด้านกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล (AYF Dividend Stock Fund) ( AYFSDIV) เป็นกองทุนเปิดตราสารแห่งทุน (Equity Fund) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ที่ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 จดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 ซึ่งมีจำนวนเงินทุนของโครงการอยู่ที่ 1,000.00 ล้านบาท
โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีเป็นลำดับแรก และหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่ำถึงปานกลาง (Small andMedium Market Capitalization) เป็นลำดับถัดไป โดยจะไม่ตัดสิทธิของกองทุนในการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง และสามารถลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้มาจากการลงทุนในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ เงินลงทุนส่วนที่เหลือ จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้หรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดให้ลงทุนได้ ทั้งนี้ บริษัทจัดการอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ในขณะที่พอร์ตการลงทุนล่าสุด ในส่วนของ 5 หมวดหลักทรัพย์แรกที่กองทุนลงทุน ณ วันที่ 27 ก.พ. 2552 ได้แก่ หมวดพาณิชย์ 29.52% หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ 16.31% หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 14.67% หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 13.22% หมวดธนาคาร 9.11% ขณะที่10 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ประกอบด้วย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 14.67% บมจ. ซีพี ออลล์ 14.17% บมจ.บีอีซี เวิลด์ 12.69% บมจ.เอ็ม บี เค 7.23% บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) 7.20% บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 6.60% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท 5.99% บมจ.สยามแม็คโคร 5.87% บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ 4.06% บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น 3.62%
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็น อันดับ 1. ได้แก่ กองทุนเปิด อยุธยาหุ้นปันผล ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)อยุธยา จำกัด หรือ บลจ.เอวายเอฟ ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 2.31% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 6.41%
อันดับ 2. กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่1.94% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 6.04%
อันดับ 3. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ ของ บลจ. กับผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่ อเบอร์ดีน 1.52% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน อยู่ที่ 5.62%
อันดับ 4. กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของบลจ.เอวายเอฟ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.50% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.60%
อันดับ 5. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส กองทุนที่ 2 ของบลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.41% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.51%
อันดับ 6. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกรท กองทุนที่ 3 ของบลจ.อเบอร์ดีนที่ติด 1 ใน 10 ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.32% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.42%
อันดับ 7.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ภายใต้การบริหารของบลจ.อเบอร์ดีน ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.24% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.86%
อันดับ 8. กองทุนเปิด กรุงศรี-พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ กของบลจ.พรีมาเวสท์ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.44% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.66%
อันดับ 9. กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์แวลู อีกหนึ่งกองทุนใน 10 อันดับแรกของบลจ.พรีมาเวสท์ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่ -1.71% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.39%
และ อันดับ 10. กองทุนเปิดแอสเซทพลัสซีเล็คทีฟสต็อกส์ 18/18 ของบลจ.แอสเซทพลัส ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีในรอบ 1 เดือนอยู่ที่ -1.90% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.20%
เปิดพอร์ตการลงทุนกองทุนอันดับ1
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ กล่าวว่า สำหรับการบริหารจัดการกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล นั้น กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงในอดีต โดยมีแนวโน้มและศักยภาพทางธุรกิจสูง รวมไปถึงมีการจ่ายปันผลที่สูงในอนาคตด้วย
"เราจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงทั้งในอดีต และมีในอนาคต โดยบริษัทดังกล่าวนั้น จะต้องมีกระแสเงินสดที่ดี มีสภาพคล่องสูง และนำเงินสดที่มีมาจ่ายปันผลที่สูงๆให้นักลงทุนได้ อีกทั้งบริษัทต้องมีการเติบโตที่ดีทั้งในอดีตและอนาคต เป็นการเติบโตที่สม่ำเสมอไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพราะจากจุดนี้จะทำให้บริษัทมีการจ่ายปันผลที่สูงต่อเนื่องในอนาคตได้" นายประภาสกล่าว
ในส่วนการลงทุนของกองทุนAYFSDIV ค่อนข้างเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยเลือกลงทุนในหุ้นเกือบ100% โดยมีการถือเงินสดเพียง 1-2% เท่านั้น ด้านการปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนนั้น จะปรับพอร์ตการลงทุนน้อยมาก เพราะการลงทุนของบริษัทไม่ได้เน้นที่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในขณะนั้น แต่เป็นการเน้นการจ่ายปันผลที่สูง และมองถึงเศรษฐกิจในอีก 1-2 ปีข้างหน้าแทน
ด้านกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล (AYF Dividend Stock Fund) ( AYFSDIV) เป็นกองทุนเปิดตราสารแห่งทุน (Equity Fund) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ที่ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 จดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 ซึ่งมีจำนวนเงินทุนของโครงการอยู่ที่ 1,000.00 ล้านบาท
โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีเป็นลำดับแรก และหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่ำถึงปานกลาง (Small andMedium Market Capitalization) เป็นลำดับถัดไป โดยจะไม่ตัดสิทธิของกองทุนในการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง และสามารถลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้มาจากการลงทุนในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ เงินลงทุนส่วนที่เหลือ จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้หรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดให้ลงทุนได้ ทั้งนี้ บริษัทจัดการอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ในขณะที่พอร์ตการลงทุนล่าสุด ในส่วนของ 5 หมวดหลักทรัพย์แรกที่กองทุนลงทุน ณ วันที่ 27 ก.พ. 2552 ได้แก่ หมวดพาณิชย์ 29.52% หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ 16.31% หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 14.67% หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 13.22% หมวดธนาคาร 9.11% ขณะที่10 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ประกอบด้วย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 14.67% บมจ. ซีพี ออลล์ 14.17% บมจ.บีอีซี เวิลด์ 12.69% บมจ.เอ็ม บี เค 7.23% บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) 7.20% บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 6.60% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท 5.99% บมจ.สยามแม็คโคร 5.87% บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ 4.06% บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น 3.62%