2 บลจ.เครือแบงก์ใหญ่ "กสิกรไทย-กรุงไทย" โหมโรงกองทุนบอนด์เกาหลีต่อเนื่อง ล่าสุด บลจ.กสิกรไทยเล็งส่ง 3 กองทุนรวมลุยตลาดเดือนมีนาคม เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลเช่นเดิม หลัง 3 กองทุนแรกดีมานด์ล้น ระดมทุนได้รวมกันกว่า 4,749 ล้านบาท ขณะที่ บลจ.กรุงไทย ขายกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารการเงิน ชูยิลด์ก่อนหักค่าใช้จ่าย 4.70 - 5.00% ต่อปี ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าดันผลตอบแทน
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2552 จำนวน 3 กองทุน สามารถสร้างยอดขายรวมกันได้ถึง 4,749 ล้านบาท ซึ่งถือว่า บลจ.กสิกรไทย สามารถระดมทุนกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศได้มากที่สุดในขณะนี้
ทั้งนี้ กระแสตอบรับการลงทุนในกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ลงทุนจำนวนมากเริ่มเข้าใจสภาวะการลงทุนและเล็งเห็นโอกาสในการล็อคเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุยาวขึ้นกับกองทุนพันธบัตรเกาหลีในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง ความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ประกอบกับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลีภายใต้การบริหารของบลจ.กสิกรไทย เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100 % ทำให้กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลียังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
นายพัชรกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทพร้อมเสนอขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี อีก 3 กองทุนมูลค่าโครงการละ 3,700 ล้านบาท ตลอดเดือนมีนาคม ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอดี เปิดขาย ระหว่างวันที่ 5-11 มีนาคม กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี เปิดขาย ระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม และ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอฟ เปิดขาย ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 3 เมษายน โดยทั้ง 3 กองทุน ยังคงมีนโยบายการลงทุนเหมือนกองที่ผ่านๆมา และยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่เนื่องจากระยะเวลาการเสนอขายที่ต่างกัน อาจจะทำให้กองทุนแต่ละกองมีอัตราผลตอบแทนที่ต่างกันตามสภาวะของตลาดในแต่ละช่วง
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน 3 และกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3
โดยในส่วนของกองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน 3 นั้น เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงิน ตราสารแห่งหนี้หรือตราสารทางการเงินอื่นใด ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือบริษัทอาจพิจารณาลงทุนบางส่วนในประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย ทั้งนี้ จะเปิดจำหน่ายระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคม 2552
สำหรับการลงทุนของกองทุนดังกล่าว จะเน้นลงทุนตราสารการเงินในประเทศเกาหลีใต้ ประเภท Euro Commercial Paper (ECP)/ Euro Medium Term Note (EMTN) ที่ออกโดยสถาบันการเงินภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร 2 อันดับแรกขึ้นไป ผลตอบแทนของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.70 - 5.00% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน และเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า แนวโน้มการลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (LIBOR) แกว่งตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลถึงตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่ส่งสัญญาณถดถอยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงทั้งในตลาดปัจจุบันและตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุน KTFIX3M3 ( Roll Over) ในวันที่ 2-6 มีนาคม 2552 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ โดยสัดส่วนการลงทุนนั้นเน้นลงทุนพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 60% เงินฝาก/บัตรเงินฝากธนาคารสินเอเซีย และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ส่งผลให้กองทุนได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 1.05% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่หักค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการแล้ว
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2552 จำนวน 3 กองทุน สามารถสร้างยอดขายรวมกันได้ถึง 4,749 ล้านบาท ซึ่งถือว่า บลจ.กสิกรไทย สามารถระดมทุนกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศได้มากที่สุดในขณะนี้
ทั้งนี้ กระแสตอบรับการลงทุนในกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ลงทุนจำนวนมากเริ่มเข้าใจสภาวะการลงทุนและเล็งเห็นโอกาสในการล็อคเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุยาวขึ้นกับกองทุนพันธบัตรเกาหลีในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง ความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ประกอบกับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลีภายใต้การบริหารของบลจ.กสิกรไทย เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100 % ทำให้กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลียังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
นายพัชรกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทพร้อมเสนอขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี อีก 3 กองทุนมูลค่าโครงการละ 3,700 ล้านบาท ตลอดเดือนมีนาคม ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอดี เปิดขาย ระหว่างวันที่ 5-11 มีนาคม กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี เปิดขาย ระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม และ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอฟ เปิดขาย ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 3 เมษายน โดยทั้ง 3 กองทุน ยังคงมีนโยบายการลงทุนเหมือนกองที่ผ่านๆมา และยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่เนื่องจากระยะเวลาการเสนอขายที่ต่างกัน อาจจะทำให้กองทุนแต่ละกองมีอัตราผลตอบแทนที่ต่างกันตามสภาวะของตลาดในแต่ละช่วง
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน 3 และกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3
โดยในส่วนของกองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน 3 นั้น เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงิน ตราสารแห่งหนี้หรือตราสารทางการเงินอื่นใด ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือบริษัทอาจพิจารณาลงทุนบางส่วนในประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย ทั้งนี้ จะเปิดจำหน่ายระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคม 2552
สำหรับการลงทุนของกองทุนดังกล่าว จะเน้นลงทุนตราสารการเงินในประเทศเกาหลีใต้ ประเภท Euro Commercial Paper (ECP)/ Euro Medium Term Note (EMTN) ที่ออกโดยสถาบันการเงินภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร 2 อันดับแรกขึ้นไป ผลตอบแทนของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.70 - 5.00% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน และเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า แนวโน้มการลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (LIBOR) แกว่งตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลถึงตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่ส่งสัญญาณถดถอยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงทั้งในตลาดปัจจุบันและตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุน KTFIX3M3 ( Roll Over) ในวันที่ 2-6 มีนาคม 2552 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ โดยสัดส่วนการลงทุนนั้นเน้นลงทุนพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 60% เงินฝาก/บัตรเงินฝากธนาคารสินเอเซีย และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ส่งผลให้กองทุนได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 1.05% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่หักค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการแล้ว