บลจ.นครหลวงไทย ยืนยันกำไรจากการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยปี 51 ไม่ได้ลดลง โดยปรับเพิ่มขึ้นกว่า 763.5 ล้านบาท พร้อมแจงผลกำไรสุทธิกองทุนลดลงจากปี 50 ถึง 71.8% เหตุผู้ประเมินอิสระประเมินราคาทรัพย์สินของกองทุนสูงกว่าราคาที่แท้จริง มั่นใจทั้งปีนี้ ผลงานใกล้เคียงกับ 2 ปีที่ผ่านมา และจ่ายผลตอบแทนได้ในระดับเดียวกัน
นายธีรพันธ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน (รายได้จากค่าเช่าและการลงทุนสุทธิ) ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด โดยผลการดำเนินงาน ในปี 2550 อยู่ที่ 733 ล้านบาท ส่วนในปี 2551 อยู่ที่ 763.5 ล้านบาท โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นไปประมาณ 30.5 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ปี 2550 มียอดกำไรสุทธิสูงถึง 2,394 ล้านบาท เนื่องจากเกิดจากการตีราคาทรัพย์สินสูงกว่าความเป็นจริงไป 1,660 ล้านบาท
ขณะที่ยอดกำไรสุทธิในปี 2551 ได้ปรับลดลงมาเหลือเพียง 675 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ประมาณ 71.8% เนื่องจากในปี 2551 กำไร/ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการลงทุน 88 ล้านบาท มาจากราคาประเมินทรัพย์สินที่ลดลง 99 ล้านบาท บวกด้วยกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาดของการลงทุนในพันธบัตร และตั๋วเงินจำนวน 10 ล้านบาท แต่คาดว่าหลังจากนี้ไปแล้วผลการดำเนินงานของกองทุน SPF จะไม่ก้าวกระโดดแล้ว และจะกลับมาสู่วงจรปกติของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุน SPF เป็นกองทุนประเภทรวมสิทธิการเช่า (ลิสต์ โฮลด์) ซึ่งโดยปกติแล้วราคาของทรัพย์สินของกองทุนจะปรับลดลงไปทุกปีอยู่แล้ว โดยในปี 2549 ผู้ประเมินอิสระได้ประเมินราคาทรัพย์สินไว้ที่ 9,300 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2550 มีการประเมินราคาทรัพย์สินที่ 10,960 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของกองทุนปรับเพิ่มขึ้นไป 1,660 ล้านบาท ส่วนในปี 2551 มีการประเมินราคาทรัพย์สินที่ 10,861 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของกองทุนปรับลดลงไป 99 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง แต่พบว่าไม่ได้รับผลกระทบกองทุนแต่อย่างใด และกองทุนยังสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 8.7% ซึ่งนับว่าสูงกว่าการรับประกันขั้นต่ำของกองทุนซึ่งอยู่ที่ 6% และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้จ่ายเงินปันผลดีมาโดยตลอด เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่ดี
นายธีรพันธ์ กล่าวว่า หากมองโดยภาพรวมแล้ว การดำเนินงานของกองทุนยังค่อนข้างดี เนื่องจากเกาะสมุยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก 20 – 30% ในอนาคต ซึ่งจำนวนไฟลท์บิน และนักท่องเที่ยวจะปรับเพิ่มขึ้นตามปกติอยู่แล้ว แต่ในปี 2552 การเจริญเติบโตอาจจะมีการชะลอตัวลง แต่คาดว่าผลการดำเนินงานจะอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกับ 700 ล้านบาทแน่นอน และจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับเดิมด้วย ทั้งนี้ กองทุนได้มีการรับประกันผลตอบแทนที่ 6% ตลอดอายุของกองทุนอยู่แล้ว
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายการลงทุนในสนามบินเกาะสมุยของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มูลค่าโครงการ 10,500 ล้านบาท โดยเป็นสัญญาเช่า 30 ปี และกองทุนจะให้บางกอกแอร์เวย์สเช่ากลับไปเพื่อให้ใช้บริการลูกค้า (เป็นสัญญาเช่ารอง หรือ lease and leaseback)โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์ในรูปของค่าเช่าและการแบ่งปันผลประโยชน์ในรูปของค่าเช่าและการแบ่งปันผลกำไรในรูปของ Profit Sharing ซึ่งจะทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยมีรายได้มาจากในส่วนของค่าเช่าสนามบินที่บางกอกแอร์เวย์ส จะต้องจ่ายขั้นต่ำให้แก่กองทุนเฉลี่ยร้อยละ 6 ของจำนวนเงินทุนในโครงการ หรือเทียบท่ากับค่าเช่าและค่าบริการที่กองทุนดังกล่าวจะได้รับในระยะเวลา 12 เดือน ขณะเดียวกันกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลถึง 4 ครั้งต่อปี โดยไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ
นายธีรพันธ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน (รายได้จากค่าเช่าและการลงทุนสุทธิ) ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด โดยผลการดำเนินงาน ในปี 2550 อยู่ที่ 733 ล้านบาท ส่วนในปี 2551 อยู่ที่ 763.5 ล้านบาท โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นไปประมาณ 30.5 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ปี 2550 มียอดกำไรสุทธิสูงถึง 2,394 ล้านบาท เนื่องจากเกิดจากการตีราคาทรัพย์สินสูงกว่าความเป็นจริงไป 1,660 ล้านบาท
ขณะที่ยอดกำไรสุทธิในปี 2551 ได้ปรับลดลงมาเหลือเพียง 675 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ประมาณ 71.8% เนื่องจากในปี 2551 กำไร/ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการลงทุน 88 ล้านบาท มาจากราคาประเมินทรัพย์สินที่ลดลง 99 ล้านบาท บวกด้วยกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาดของการลงทุนในพันธบัตร และตั๋วเงินจำนวน 10 ล้านบาท แต่คาดว่าหลังจากนี้ไปแล้วผลการดำเนินงานของกองทุน SPF จะไม่ก้าวกระโดดแล้ว และจะกลับมาสู่วงจรปกติของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุน SPF เป็นกองทุนประเภทรวมสิทธิการเช่า (ลิสต์ โฮลด์) ซึ่งโดยปกติแล้วราคาของทรัพย์สินของกองทุนจะปรับลดลงไปทุกปีอยู่แล้ว โดยในปี 2549 ผู้ประเมินอิสระได้ประเมินราคาทรัพย์สินไว้ที่ 9,300 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2550 มีการประเมินราคาทรัพย์สินที่ 10,960 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของกองทุนปรับเพิ่มขึ้นไป 1,660 ล้านบาท ส่วนในปี 2551 มีการประเมินราคาทรัพย์สินที่ 10,861 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของกองทุนปรับลดลงไป 99 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง แต่พบว่าไม่ได้รับผลกระทบกองทุนแต่อย่างใด และกองทุนยังสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 8.7% ซึ่งนับว่าสูงกว่าการรับประกันขั้นต่ำของกองทุนซึ่งอยู่ที่ 6% และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้จ่ายเงินปันผลดีมาโดยตลอด เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่ดี
นายธีรพันธ์ กล่าวว่า หากมองโดยภาพรวมแล้ว การดำเนินงานของกองทุนยังค่อนข้างดี เนื่องจากเกาะสมุยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก 20 – 30% ในอนาคต ซึ่งจำนวนไฟลท์บิน และนักท่องเที่ยวจะปรับเพิ่มขึ้นตามปกติอยู่แล้ว แต่ในปี 2552 การเจริญเติบโตอาจจะมีการชะลอตัวลง แต่คาดว่าผลการดำเนินงานจะอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกับ 700 ล้านบาทแน่นอน และจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับเดิมด้วย ทั้งนี้ กองทุนได้มีการรับประกันผลตอบแทนที่ 6% ตลอดอายุของกองทุนอยู่แล้ว
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายการลงทุนในสนามบินเกาะสมุยของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มูลค่าโครงการ 10,500 ล้านบาท โดยเป็นสัญญาเช่า 30 ปี และกองทุนจะให้บางกอกแอร์เวย์สเช่ากลับไปเพื่อให้ใช้บริการลูกค้า (เป็นสัญญาเช่ารอง หรือ lease and leaseback)โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์ในรูปของค่าเช่าและการแบ่งปันผลประโยชน์ในรูปของค่าเช่าและการแบ่งปันผลกำไรในรูปของ Profit Sharing ซึ่งจะทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยมีรายได้มาจากในส่วนของค่าเช่าสนามบินที่บางกอกแอร์เวย์ส จะต้องจ่ายขั้นต่ำให้แก่กองทุนเฉลี่ยร้อยละ 6 ของจำนวนเงินทุนในโครงการ หรือเทียบท่ากับค่าเช่าและค่าบริการที่กองทุนดังกล่าวจะได้รับในระยะเวลา 12 เดือน ขณะเดียวกันกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลถึง 4 ครั้งต่อปี โดยไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ
