ถาม-ยังเป็นมือใหม่เกี่ยวกับการลงทุนใน LTF อยากทราบเกี่ยวกับผลตอบแทน ที่บลจ.แต่ละแห่งจะคิดให้กับผู้ถือหน่วย ในช่วง 5 ปีที่ผู้ถือหน่วยยังไม่สามารถขายหน่วยออกมาได้ หมายถึงว่าตลอด 5 ปีนี้ทางบลจ.จะขายหน่วยของลูกค้าทุกครั้งที่มูลค่าหน่วยเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ และเงินต้นและหน่วยของลูกค้าจะเพิ่มขึ้นด้วยใช่หรือไม่ ดิฉันซื้อ LTF ของบลจ.หนึ่ง สมมุติว่าซื้อไป 1 แสนบาท ช่วงเดือนปลายเดือนธค. 2550 พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ทางบลจ.ก็แจ้งมาว่ามีผลประโยชน์เกิดขึ้น 3,000 กว่าบาท ดิฉันอยากทราบว่า 3,000 กว่าบาทนี้ คิดจากอะไรค่ะ Petra
ตอบ เจ้าหน้าที่สมาคมบริษัทจัดการกองทุน ได้ตอบคำถามไว้ดังนี้ ครับ ก่อนอื่นคงต้องเรียน คุณ Petra ว่าผมไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจคำถามที่ถามมาถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ดี หากไม่ตรงกับความต้องการที่จะถามก็ขอรบกวนให้เขียนคำถามเข้ามาใหม่อีกทีนะครับ
คำถามแรกที่ว่า บลจ. จะขายหน่วยของลูกค้าทุกครั้งที่มูลค่าหน่วยเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาตลอด 5 ปี คงจะไม่ใช่ครับ บลจ. จะไม่สามารถขายหน่วยลงทุนของลูกค้าได้โดยที่ไม่ได้รับคำสั่งให้ขายหรือไม่ได้ระบุเป็นเงื่อนไขในการขายคืนอัตโนมัติตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนครับ
ซึ่งโดยปกติในส่วนของกองทุนรวม LTF นั้นในช่วงระยะเวลาที่ถือครองหน่วยลงทุน 5 ปีปฏิทินนั้น หากมีการขายคืนเงินลงทุนในระว่างนั้น ผู้ลงทุนจะต้องคืนสิทธิลดหย่อนที่เกิดจากเงินที่ขายคืนนั้นให้กับกรมสรรพากรพร้อมเงินเพิ่มทันที ถ้าไม่ชำระคืนแล้วกรมสรรพากรเรียกตรวจก็จะต้องเสียเงินพิ่มอีกแล้วแต่กรณี
นอกจากนั้น ในการขายคืนนั้นหากมีกำไรก็จะต้องนำเงินกำไรไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปีอีกด้วย ดังนั้น บลจ. คงจะไม่กำหนดเงื่อนไขการขายคืนเงินลงทุนอัตโนมัติไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF อย่างแน่นอนครับ
ทั้งนี้ สำหรับกรณีกองทุนรวม LTF ที่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน เมื่อกองทุนรวม LTF มีกำไรในแต่ละงวดบัญชี บลจ. ก็จะสามารถนำเงินกำไรที่มีจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน แต่ผู้ลงทุนก็มีหน้าที่ที่จะเลือกว่าจะให้กองทุนรวมหักภาษีเงินปันผลนั้นไว้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% หรือจะไม่ให้กองทุนรวมหักภาษีเงินปันผลนั้นไว้แล้วผู้ลงทุนนำเงินปันผลไม่คำนวณรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีประจำปีต่อไปครับ ซึ่งการที่เงินต้นและหน่วยลงทุนของลูกค้าจะเพิ่มขึ้นก็จะต้องมาจากการลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม LTF เท่านั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นในลักษณะที่ คุณ Petra เข้าใจและเขียนมาถามนั้น
คำถามที่สอง การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผลประโยชน์นั้นจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงไปของราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดที่กองทุนรวม LTF นั้นได้ไปลงทุนไว้ในวันนั้นๆ เมื่อเทียบกับในวันที่ผู้ลงทุนได้รับจัดสรรหน่วยลงทุนจากกองทุนรวม LTF ภายหลังที่ได้มีคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF นั้นมาครับ
คือในแต่ละวันทำการนั้นกองทุนรวม LTF จะมีการคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินรวมทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยราคาตลาดของทรัพย์สินนั้นๆแล้วนำจำนวนหน่วยลงทุนที่มีอยู่ทั้งหมดไปหารก็จะได้มูลค่าต่อหน่วยลงทุนในวันทำการนั้นๆ จำนวนผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้นจะมาจากการที่ บลจ. นำมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมที่คำนวณเฉลี่ยต่อหน่วยในวันทำการสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ไปลบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมที่คำนวณเฉลี่ยต่อหน่วยในวันที่กองทุนรวมจัดสรรหน่วยลงทุนให้กับผู้ลงทุนหลังจากที่มีคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF เมื่อได้ผลต่างเท่าไหร่แล้วก็จะนำผลต่างนั้นไปคูณกับจำนวนหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนได้รับจัดสรรมาตอนที่ซื้อหน่วยลงทุนนั้นก็จะได้เป็นจำนวนผลประโยชน์ตามที่ถามมาครับ
ทั้งนี้ ผลประโยชน์ไม่ได้จะต้องมีค่าเป็นบวกหรือ 0 เท่านั้นนะครับยังสามารถเป็นค่าติดลบก็ได้ด้วย ซึ่งเมื่อผลประโยชน์มีค่าติดลบแล้วรวมกับต้นทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนมาก็จะทำให้ผู้ลงทุนเกิดการขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนรวม LTF ได้เช่นกันไม่ใช่กว่าการลงทุนใน LTF จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแต่เพียงอย่างเดียวครับ
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยในเรื่องเกี่ยวกับกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ไว้ที่ www.manager.co.th หน้ากองทุนรวม ครับ ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้ท่านอย่างเเน่นอน
ตอบ เจ้าหน้าที่สมาคมบริษัทจัดการกองทุน ได้ตอบคำถามไว้ดังนี้ ครับ ก่อนอื่นคงต้องเรียน คุณ Petra ว่าผมไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจคำถามที่ถามมาถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ดี หากไม่ตรงกับความต้องการที่จะถามก็ขอรบกวนให้เขียนคำถามเข้ามาใหม่อีกทีนะครับ
คำถามแรกที่ว่า บลจ. จะขายหน่วยของลูกค้าทุกครั้งที่มูลค่าหน่วยเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาตลอด 5 ปี คงจะไม่ใช่ครับ บลจ. จะไม่สามารถขายหน่วยลงทุนของลูกค้าได้โดยที่ไม่ได้รับคำสั่งให้ขายหรือไม่ได้ระบุเป็นเงื่อนไขในการขายคืนอัตโนมัติตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนครับ
ซึ่งโดยปกติในส่วนของกองทุนรวม LTF นั้นในช่วงระยะเวลาที่ถือครองหน่วยลงทุน 5 ปีปฏิทินนั้น หากมีการขายคืนเงินลงทุนในระว่างนั้น ผู้ลงทุนจะต้องคืนสิทธิลดหย่อนที่เกิดจากเงินที่ขายคืนนั้นให้กับกรมสรรพากรพร้อมเงินเพิ่มทันที ถ้าไม่ชำระคืนแล้วกรมสรรพากรเรียกตรวจก็จะต้องเสียเงินพิ่มอีกแล้วแต่กรณี
นอกจากนั้น ในการขายคืนนั้นหากมีกำไรก็จะต้องนำเงินกำไรไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปีอีกด้วย ดังนั้น บลจ. คงจะไม่กำหนดเงื่อนไขการขายคืนเงินลงทุนอัตโนมัติไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF อย่างแน่นอนครับ
ทั้งนี้ สำหรับกรณีกองทุนรวม LTF ที่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน เมื่อกองทุนรวม LTF มีกำไรในแต่ละงวดบัญชี บลจ. ก็จะสามารถนำเงินกำไรที่มีจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน แต่ผู้ลงทุนก็มีหน้าที่ที่จะเลือกว่าจะให้กองทุนรวมหักภาษีเงินปันผลนั้นไว้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% หรือจะไม่ให้กองทุนรวมหักภาษีเงินปันผลนั้นไว้แล้วผู้ลงทุนนำเงินปันผลไม่คำนวณรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีประจำปีต่อไปครับ ซึ่งการที่เงินต้นและหน่วยลงทุนของลูกค้าจะเพิ่มขึ้นก็จะต้องมาจากการลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม LTF เท่านั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นในลักษณะที่ คุณ Petra เข้าใจและเขียนมาถามนั้น
คำถามที่สอง การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผลประโยชน์นั้นจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงไปของราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดที่กองทุนรวม LTF นั้นได้ไปลงทุนไว้ในวันนั้นๆ เมื่อเทียบกับในวันที่ผู้ลงทุนได้รับจัดสรรหน่วยลงทุนจากกองทุนรวม LTF ภายหลังที่ได้มีคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF นั้นมาครับ
คือในแต่ละวันทำการนั้นกองทุนรวม LTF จะมีการคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินรวมทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยราคาตลาดของทรัพย์สินนั้นๆแล้วนำจำนวนหน่วยลงทุนที่มีอยู่ทั้งหมดไปหารก็จะได้มูลค่าต่อหน่วยลงทุนในวันทำการนั้นๆ จำนวนผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้นจะมาจากการที่ บลจ. นำมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมที่คำนวณเฉลี่ยต่อหน่วยในวันทำการสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ไปลบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมที่คำนวณเฉลี่ยต่อหน่วยในวันที่กองทุนรวมจัดสรรหน่วยลงทุนให้กับผู้ลงทุนหลังจากที่มีคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF เมื่อได้ผลต่างเท่าไหร่แล้วก็จะนำผลต่างนั้นไปคูณกับจำนวนหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนได้รับจัดสรรมาตอนที่ซื้อหน่วยลงทุนนั้นก็จะได้เป็นจำนวนผลประโยชน์ตามที่ถามมาครับ
ทั้งนี้ ผลประโยชน์ไม่ได้จะต้องมีค่าเป็นบวกหรือ 0 เท่านั้นนะครับยังสามารถเป็นค่าติดลบก็ได้ด้วย ซึ่งเมื่อผลประโยชน์มีค่าติดลบแล้วรวมกับต้นทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนมาก็จะทำให้ผู้ลงทุนเกิดการขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนรวม LTF ได้เช่นกันไม่ใช่กว่าการลงทุนใน LTF จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแต่เพียงอย่างเดียวครับ
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยในเรื่องเกี่ยวกับกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ไว้ที่ www.manager.co.th หน้ากองทุนรวม ครับ ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้ท่านอย่างเเน่นอน