เห็นช่วงนี้ใกล้จะปีใหม่เเล้วนะครับ ซึ่งหลายคนกำลังลงทุนในกองทุน RMF เเละ LTF เเล้วก็เชื่ออีกว่าหลายคนก็ซื้อกองทุนประเภทนี้เเต่ไม่เคยลดภาษีเลย ทางทีมงานจึงนำคำถามนี้มาเผยเเพร่อีกครั้งนะครับ
ถาม - กรณีที่ซื้อ LTF แล้วไม่เอามายุ่งเกี่ยวกับการลดหย่อยเลย เพราะผมต้องการถือเป็นลักษณะการลงทุนในกองทุนเหมือนกองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ LTF เมื่อเกิดเงินปันผลและส่วนต่างที่เป็นกำไรจะได้รับยกเว้นภาษีหรือไม่เพราะ LTF รุ่นที่ 1 ซื้อผ่านมาแล้ว 3 ปี กำลังจะคิดขายอยู่ Question Man
ตอบ - เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ได้ตอบคุณ Question Man ดังนี้ครับ กองทุนรวมทุกประเภทรวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะมีภาระภาษีของเงินปันผลเช่นเดียวกันหมดครับ ไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด เงื่อนไขในการถือครองกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF จะทำให้ได้ประโยชน์เฉพาะการลดหย่อนภาษีและการไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขายเท่านั้น ไม่รวมถึงเรื่องของเงินปันผลครับ คือ ผู้ลงทุนสามารถเลือกที่จะแจ้งให้บริษัทจัดการในฐานะผู้ทำการแทนของกองทุนรวมนั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 10% แล้วผู้ลงทุนก็ไม่ต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษีเงินได้อีก หรือผู้ลงทุนเลือกที่จะไม่แจ้งให้บริษัทจัดการในฐานะผู้ทำการแทนของกองทุนรวมนั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ตามที่กล่าวนั้น
ผู้ลงทุนก็มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินปันผลที่ได้รับไปรวมเป็นเงินได้กับเงินได้อื่นๆ เพื่อคำนวณภาษีเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีที่ได้รับเงินปันผลนั้นต่อไป ทั้งนี้ เมื่อผู้ลงทุนได้เลือกแนวทางใดในตอนรับเงินปันผลไปแล้วกรมสรรพากรจะไม่ได้ให้โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไปแล้ว เช่น หากเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายตอนรับเงินปันผลไปแล้ว พอสิ้นปีจะขอเอากลับไปรวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษีใหม่เนื่องจากเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ไม่ได้ หรือหากเลือกที่จะไม่หักภาษีไปแล้ว พอสิ้นปีเมื่อคำนวณภาษีแล้วเสียภาษีสูงกว่าการหักภาษี ณ ที่จ่าย แล้วจะขอกลับไปเสียภาษีที่ 10% ไม่ได้เช่นกันครับ
ส่วนในเรื่องของภาษีกำไรจากการลงทุนของกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF นั้น กรมสรรพากรได้กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรเป็นเบื้องต้นก่อนแล้วว่า หากผู้ลงทุนมีกำไรจากการลงทุนในกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF จะต้องนำเงินกำไรที่ได้ไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี หลังจากนั้นจึงมากำหนดต่อว่ากรณีบุคคลธรรมดาหากมีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการต่างๆ ตามที่กรมสรรพากรกำหนด จึงจะให้ได้รับสิทธิ์ในการไม่ต้องเสียภาษีกำไรนั้น รวมทั้งได้รับสิทธิ์ในการไม่ต้องคืนภาษีเงินได้ที่ได้ลดหย่อนไว้ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนดจากเงินลงทุนนั้นด้วย
ดังนั้น การที่ คุณ Question Man บอกว่าซื้อแล้วไม่ได้เอาไปใช้ลดหย่อน คงต้องมาพิจารณาก่อนว่าการซื้อนั้นมีสิทธิ์ไปใช้ลดหย่อนหรือไม่ก่อน ถ้าไม่มีสิทธิ์ซื้อเพื่อนำไปลดหย่อนได้อยู่แล้ว จะมาบอกว่าซื้อแล้วไม่ได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนคงจะไม่ได้ เช่น กรณีที่ผู้ลงทุนเป็นคณะบุคคล หรือนิติบุคคล ซึ่งไม่มีสิทธิ์นำไปใช้ลดหย่อนได้ ก็จะไม่ต่างกับผู้ที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีเงินได้แล้วไปซื้อกองทุนดังกล่าวไว้นั้นเอง หากเป็นกรณีนี้เงินกำไรที่ได้รับไม่ว่าจะถือครองไว้นานเท่าใดก็จะต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่นๆ เพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปีในปีที่ขายคืนนั้น ซึ่งบุคคลธรรมดาหากมีเงินได้จากกำไรในการลงทุนในกองทุนรวม RMF หรือกองทุนรวม LTF นี้แล้วรวมกับเงินได้อื่นแล้วคำนวณภาษีเงินได้ได้เท่าไหร่ก็ต้องเสียภาษีตามนั้นครับ (ตั้งแต่ 0% - 37%) อย่างไรก็ดี หากเป็นการซื้อเท่าที่ผู้ลงทุนมีสิทธิ์นำไปลดหย่อนแต่ไม่เอาไปใช้สิทธิ์
ประเด็นนี้คงต้องสอบถามอย่างเป็นทางการไปยังกรมสรรพากรเพื่อวินิจฉัยครับ นอกจากนั้น กรณี่ซื้อเกินกว่าที่ผู้ลงทุนมีสิทธิ์นำไปลดหย่อนแต่ไม่เอาไปใช้สิทธิ์ก็คงจะต้องพิจารณาแยกเป็นสองส่วนตามที่กล่าวแล้วนั้น แต่ปัญหาจะอยู่ที่การแยกว่าส่วนใดเป็นส่วนในสิทธิ์และส่วนใดเป็นส่วนที่ไม่มีสิทธิ์สำหรับกรณีที่มีการลงทุนหลายๆ ครั้งในปีนั้น เรื่องนี้คงต้องเป็นภาระของผู้ลงทุนในการไปชี้แจงกับกรมสรรพากรกรณีที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีแล้วเกิดถูกเรียกสอบต่อไปครับ
กับคำถามในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดไว้ในกฎหมายซึ่งไม่มีการเขียนเรื่องดังกล่าวไว้ เพราะกรมสรรพากรไม่ได้ต้องการให้มีการปฏิบัติ คงต้องให้ศาลภาษีเป็นผู้พิจารณาตัดสินจึงจะถือเป็นที่สุดได้ สิ่งที่ผมได้ให้ข้อมูลก็เป็นไปตามเท่าที่ผมได้รับทราบมาก่อนหน้านี้แล้วเท่านั้นนะครับ
ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่จากสมาคมบริษัทจัดการกองทุนมากนะครับ ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ
ถาม - กรณีที่ซื้อ LTF แล้วไม่เอามายุ่งเกี่ยวกับการลดหย่อยเลย เพราะผมต้องการถือเป็นลักษณะการลงทุนในกองทุนเหมือนกองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ LTF เมื่อเกิดเงินปันผลและส่วนต่างที่เป็นกำไรจะได้รับยกเว้นภาษีหรือไม่เพราะ LTF รุ่นที่ 1 ซื้อผ่านมาแล้ว 3 ปี กำลังจะคิดขายอยู่ Question Man
ตอบ - เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ได้ตอบคุณ Question Man ดังนี้ครับ กองทุนรวมทุกประเภทรวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะมีภาระภาษีของเงินปันผลเช่นเดียวกันหมดครับ ไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด เงื่อนไขในการถือครองกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF จะทำให้ได้ประโยชน์เฉพาะการลดหย่อนภาษีและการไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขายเท่านั้น ไม่รวมถึงเรื่องของเงินปันผลครับ คือ ผู้ลงทุนสามารถเลือกที่จะแจ้งให้บริษัทจัดการในฐานะผู้ทำการแทนของกองทุนรวมนั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 10% แล้วผู้ลงทุนก็ไม่ต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษีเงินได้อีก หรือผู้ลงทุนเลือกที่จะไม่แจ้งให้บริษัทจัดการในฐานะผู้ทำการแทนของกองทุนรวมนั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ตามที่กล่าวนั้น
ผู้ลงทุนก็มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินปันผลที่ได้รับไปรวมเป็นเงินได้กับเงินได้อื่นๆ เพื่อคำนวณภาษีเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีที่ได้รับเงินปันผลนั้นต่อไป ทั้งนี้ เมื่อผู้ลงทุนได้เลือกแนวทางใดในตอนรับเงินปันผลไปแล้วกรมสรรพากรจะไม่ได้ให้โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไปแล้ว เช่น หากเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายตอนรับเงินปันผลไปแล้ว พอสิ้นปีจะขอเอากลับไปรวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษีใหม่เนื่องจากเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ไม่ได้ หรือหากเลือกที่จะไม่หักภาษีไปแล้ว พอสิ้นปีเมื่อคำนวณภาษีแล้วเสียภาษีสูงกว่าการหักภาษี ณ ที่จ่าย แล้วจะขอกลับไปเสียภาษีที่ 10% ไม่ได้เช่นกันครับ
ส่วนในเรื่องของภาษีกำไรจากการลงทุนของกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF นั้น กรมสรรพากรได้กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรเป็นเบื้องต้นก่อนแล้วว่า หากผู้ลงทุนมีกำไรจากการลงทุนในกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF จะต้องนำเงินกำไรที่ได้ไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี หลังจากนั้นจึงมากำหนดต่อว่ากรณีบุคคลธรรมดาหากมีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการต่างๆ ตามที่กรมสรรพากรกำหนด จึงจะให้ได้รับสิทธิ์ในการไม่ต้องเสียภาษีกำไรนั้น รวมทั้งได้รับสิทธิ์ในการไม่ต้องคืนภาษีเงินได้ที่ได้ลดหย่อนไว้ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนดจากเงินลงทุนนั้นด้วย
ดังนั้น การที่ คุณ Question Man บอกว่าซื้อแล้วไม่ได้เอาไปใช้ลดหย่อน คงต้องมาพิจารณาก่อนว่าการซื้อนั้นมีสิทธิ์ไปใช้ลดหย่อนหรือไม่ก่อน ถ้าไม่มีสิทธิ์ซื้อเพื่อนำไปลดหย่อนได้อยู่แล้ว จะมาบอกว่าซื้อแล้วไม่ได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนคงจะไม่ได้ เช่น กรณีที่ผู้ลงทุนเป็นคณะบุคคล หรือนิติบุคคล ซึ่งไม่มีสิทธิ์นำไปใช้ลดหย่อนได้ ก็จะไม่ต่างกับผู้ที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีเงินได้แล้วไปซื้อกองทุนดังกล่าวไว้นั้นเอง หากเป็นกรณีนี้เงินกำไรที่ได้รับไม่ว่าจะถือครองไว้นานเท่าใดก็จะต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่นๆ เพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปีในปีที่ขายคืนนั้น ซึ่งบุคคลธรรมดาหากมีเงินได้จากกำไรในการลงทุนในกองทุนรวม RMF หรือกองทุนรวม LTF นี้แล้วรวมกับเงินได้อื่นแล้วคำนวณภาษีเงินได้ได้เท่าไหร่ก็ต้องเสียภาษีตามนั้นครับ (ตั้งแต่ 0% - 37%) อย่างไรก็ดี หากเป็นการซื้อเท่าที่ผู้ลงทุนมีสิทธิ์นำไปลดหย่อนแต่ไม่เอาไปใช้สิทธิ์
ประเด็นนี้คงต้องสอบถามอย่างเป็นทางการไปยังกรมสรรพากรเพื่อวินิจฉัยครับ นอกจากนั้น กรณี่ซื้อเกินกว่าที่ผู้ลงทุนมีสิทธิ์นำไปลดหย่อนแต่ไม่เอาไปใช้สิทธิ์ก็คงจะต้องพิจารณาแยกเป็นสองส่วนตามที่กล่าวแล้วนั้น แต่ปัญหาจะอยู่ที่การแยกว่าส่วนใดเป็นส่วนในสิทธิ์และส่วนใดเป็นส่วนที่ไม่มีสิทธิ์สำหรับกรณีที่มีการลงทุนหลายๆ ครั้งในปีนั้น เรื่องนี้คงต้องเป็นภาระของผู้ลงทุนในการไปชี้แจงกับกรมสรรพากรกรณีที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีแล้วเกิดถูกเรียกสอบต่อไปครับ
กับคำถามในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดไว้ในกฎหมายซึ่งไม่มีการเขียนเรื่องดังกล่าวไว้ เพราะกรมสรรพากรไม่ได้ต้องการให้มีการปฏิบัติ คงต้องให้ศาลภาษีเป็นผู้พิจารณาตัดสินจึงจะถือเป็นที่สุดได้ สิ่งที่ผมได้ให้ข้อมูลก็เป็นไปตามเท่าที่ผมได้รับทราบมาก่อนหน้านี้แล้วเท่านั้นนะครับ
ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่จากสมาคมบริษัทจัดการกองทุนมากนะครับ ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ
