บลจ.วรรณ เผยผลงานกองทุน TDEX ทั้งปี 51 ติดลบไป 48.54% แต่ยังสูงกว่าดัชนี SET50 INDEX ที่ติดลบไป 50.17% เหตุรับอานิสงส์เงินปันผลจากหุ้น ล่าสุด ยื่นเรื่องแก้ไขนโยบายการจ่ายปันผล เปิดทางส่งต่อให้ลูกค้าตามจำนวนที่ได้มา แม้ผลการดำเนินงานติดลบ
นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลการดำเนินงานของเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) ในปี 2551อยู่ที่ -48.54% สูงกว่า 1.63% ขณะที่ SET 50 INDEX อยู่ที่ -50.17% เนื่องจากปัจจัยวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยสาเหตุที่ผลตอบแทนของกองทุนสามารถชนะดัชนีดังกล่าว เนื่องจากเงินปันผลที่กองทุนได้รับจากการลงทุน ไม่ใช่จากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
โดยที่ผ่านมาการลงทุนของกองทุนTDEX เมื่อได้รับเงินปันผลมา บริษัทจะต้องนำเงินปันผลที่ได้รับจ่ายให้กับนักลงทุน แต่เนื่องจากติดนโยบายผลการดำเนินงานของกองทุน ซึ่งหากผลการดำเนินงานติดลบหรือราคาหุ้นต่ำกว่าราคาไอพีโอจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้ ทำให้เม็ดเงินที่ได้รับมา บริษัทจะต้องนำเงินดังกล่าวไปลงทุนต่อ ทั้งนี้ หากนำเม็ดเงินไปลงทุนแล้วราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้กองทุนมีผลการดำเนินงานที่สูง แต่หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงจะยิ่งทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลงยิ่งกว่าเดิม
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้มีการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขนโยบายดังกล่าวให้กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนได้ โดยกองทุนรับเงินปันผลมาเท่าไร จะต้องจ่ายคืนให้แก่นักลงทุนเท่านั้น
"ผลการดำเนินงานที่ชนะตลาดได้เพราะกองทุนได้รับปันผลจากการลงทุน แต่เนื่องจากกองทุนติดนโยบาย ก.ล.ต.โดยราคาหุ้นในปัจจุบันของกองทุนที่อยู่ที่ 3.17 บาท ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นมาก ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินที่ได้รับมาให้แก่นักลงทุนได้ บริษัทจึงยื่นเรื่องเพื่อขอแก้ไขนโยบาย เพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลที่ได้มาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว" นายชัยพฤกษ์ กล่าว
สำหรับกองทุนTDEX พบว่า สิ้นปี 2550 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอ็นเอวี)อยู่ที่ 2,396 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551ที่ผ่านมากองทุนมูลค่าเอ็นเอวี มี 2,133 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามูลค่าเอ็นเอวีปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้านี้ 263 ล้านบาท แต่ในส่วนของจำนวนหน่วยลงทุนกลับพบว่าสวนทางกับมูลค่าเอ็นเอวี โดยกองทุนมีจำนวนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 378 ล้านหน่วย ในปี 2551 กองทุนมีจำนวนหน่วยลงทุน 654 ล้านหน่วย
นอกจากนี้ ในส่วนของภาพรวมตลาดหุ้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ หากตลาดปรับตัวดีขึ้นจะส่งผลให้กองทุน TDEX ปรับตัวเป็นบวกอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการประชาสัมพันธ์กองทุนดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนมากขึ้น และในปีนี้บลจ.วรรณจะมีการจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟกองใหม่ออกมาเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยจะเป็นกองทุนที่มีลักษณะเหมือนเดิมแต่จะใช้สินค้าอ้างอิงที่เปลี่ยนไป
อนึ่งกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ เป็นกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วยและส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน นอกจากนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) อีกทั้งพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ขณะเดียวกันกองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิ เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมหรือกำไร สุทธิในงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผล และการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มี การจ่ายเงินปันผลนั้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยจะพิจารณาจ่ายในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกำไรสะสม หรือกำไรสุทธินั้นๆ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลการดำเนินงานของเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) ในปี 2551อยู่ที่ -48.54% สูงกว่า 1.63% ขณะที่ SET 50 INDEX อยู่ที่ -50.17% เนื่องจากปัจจัยวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยสาเหตุที่ผลตอบแทนของกองทุนสามารถชนะดัชนีดังกล่าว เนื่องจากเงินปันผลที่กองทุนได้รับจากการลงทุน ไม่ใช่จากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
โดยที่ผ่านมาการลงทุนของกองทุนTDEX เมื่อได้รับเงินปันผลมา บริษัทจะต้องนำเงินปันผลที่ได้รับจ่ายให้กับนักลงทุน แต่เนื่องจากติดนโยบายผลการดำเนินงานของกองทุน ซึ่งหากผลการดำเนินงานติดลบหรือราคาหุ้นต่ำกว่าราคาไอพีโอจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้ ทำให้เม็ดเงินที่ได้รับมา บริษัทจะต้องนำเงินดังกล่าวไปลงทุนต่อ ทั้งนี้ หากนำเม็ดเงินไปลงทุนแล้วราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้กองทุนมีผลการดำเนินงานที่สูง แต่หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงจะยิ่งทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลงยิ่งกว่าเดิม
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้มีการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขนโยบายดังกล่าวให้กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนได้ โดยกองทุนรับเงินปันผลมาเท่าไร จะต้องจ่ายคืนให้แก่นักลงทุนเท่านั้น
"ผลการดำเนินงานที่ชนะตลาดได้เพราะกองทุนได้รับปันผลจากการลงทุน แต่เนื่องจากกองทุนติดนโยบาย ก.ล.ต.โดยราคาหุ้นในปัจจุบันของกองทุนที่อยู่ที่ 3.17 บาท ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นมาก ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินที่ได้รับมาให้แก่นักลงทุนได้ บริษัทจึงยื่นเรื่องเพื่อขอแก้ไขนโยบาย เพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลที่ได้มาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว" นายชัยพฤกษ์ กล่าว
สำหรับกองทุนTDEX พบว่า สิ้นปี 2550 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอ็นเอวี)อยู่ที่ 2,396 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551ที่ผ่านมากองทุนมูลค่าเอ็นเอวี มี 2,133 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามูลค่าเอ็นเอวีปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้านี้ 263 ล้านบาท แต่ในส่วนของจำนวนหน่วยลงทุนกลับพบว่าสวนทางกับมูลค่าเอ็นเอวี โดยกองทุนมีจำนวนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 378 ล้านหน่วย ในปี 2551 กองทุนมีจำนวนหน่วยลงทุน 654 ล้านหน่วย
นอกจากนี้ ในส่วนของภาพรวมตลาดหุ้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ หากตลาดปรับตัวดีขึ้นจะส่งผลให้กองทุน TDEX ปรับตัวเป็นบวกอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการประชาสัมพันธ์กองทุนดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนมากขึ้น และในปีนี้บลจ.วรรณจะมีการจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟกองใหม่ออกมาเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยจะเป็นกองทุนที่มีลักษณะเหมือนเดิมแต่จะใช้สินค้าอ้างอิงที่เปลี่ยนไป
อนึ่งกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ เป็นกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วยและส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน นอกจากนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) อีกทั้งพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ขณะเดียวกันกองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิ เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมหรือกำไร สุทธิในงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผล และการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มี การจ่ายเงินปันผลนั้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยจะพิจารณาจ่ายในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกำไรสะสม หรือกำไรสุทธินั้นๆ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร