บลจ.วรรณพอใจผลตอบรับ การเดินทางไปให้ข้อมูลกอง "TDEX" กับนักลงทุนต่างชาติที่ฮ่องกง ระบุเป็นกองทุนที่รู้จักดีอยู่แล้ว เผยเน้นหนักการประชาสัมพันธ์ มากกว่าตัวเลขเงินเข้ามาลงทุน พร้อมชวนนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน เข้ามาสมัคร IP อิสระ หวังสร้างเครือข่ายแนะนำความรู้ และเพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยภายหลังจากการเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ (Road Show) ที่ฮ่องกงในเรื่องกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (ThaiDEX SET50 ETF : TDEX) ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะรู้จักกองทุน TDEX ในระดับหนึ่ง เนื่องจากความจริงที่ว่า ETF (Exchange Traded Fund) เป็นผลิตภัณฑ์ที่คนในกลุ่มต่างๆ หันมาใช้เป็นอย่างมาก ลูกค้าง่ายมากที่จะใช้ และมีสภาาพคล่องที่ดี โดยผู้ใช้มีความชัดเจนในการคาดหวัง ที่มีลักษณะการลงทุนเหมือนดัชนี และไม่เบี่ยงเบนไป ถือเป็นข้อดีของการลงทุนใน ETF
โดยการไปให้ข้อมูลในครั้งนี้ เป็นการรับเชิญจากต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว และให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้ลงทุนมากขึ้น แต่การไปเดินทางในครั้งนี้ต้องการไปให้ข้อมูลมากกว่าการคาดหวังทางด้านตัวเลขการเข้ามาลงทุนของนักลงทุน โดยคาดว่านักลงทุนจะเข้าใจการลงทุนในกองทุน TDEX มากขึ้น โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว
ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนส่วนมาเลือกลงทุนใน ETF ดังกล่าว คือ 1.เป็นตัวแทนของดัชนีอะไร 2 .ค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ต่ำ สามารถจะส่งมอบความเป็นการลงทุนในดัชนีนั้นได้อย่างชัดเจน จริงหรือไม่ โดยการที่เรามี tracking error อย่างมีนัยยะสำคัญ และ 3.สภาพคล่อง โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุน โดยมีการให้ความรู้กับผู้ที่ต้องการลงทุนจำนวนมาก และคาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้นในระยะยาว และอย่างต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังไม่มีแผนงานที่จะไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ แต่จะยังมีการประชาสัมพันธ์โดยการให้ข้อมูลต่างๆ ของกองทุน TDEX โดยจะเข้าไปร่วมมือกับพันธมิตรที่มีลูกค้าต่างประเทศ แล้วเข้าไปให้ข้อมูลแก่ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแทน
สำหรับ TDEX จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และเข้าทำการซื้อขายในหมวดธุรกิจหน่วยลงทุนเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2550 มีมูลค่าโครงการทั้งหมด 10,000 ล้านบาท โดยในช่วงเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) สามารถระดมทุนได้ 1,010.98 ล้านบาท และมีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยลงทุนละ 5.6796 บาท
โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วยและส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) และพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ส่วนกองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกําไรสะสมหรือกําไรสุทธิ เมื่อกองทุนมีกําไรสะสมหรือกําไร สุทธิในงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผล และการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทําให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มี การจ่ายเงินปันผลนั้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยจะพิจารณาจ่ายในอัตราไม่เกิน 100% ของกําไรสะสม หรือกําไรสุทธินั้นๆ ทั้งนี้ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
นายสมจินต์ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดรับสมัครผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอิสระ (IP อิสระ) โดยเชื่อว่าการแนะนำการลงทุนเป็นวิชาชีพที่มีคุณค่า และการลงทุนมีความสำคัญต่อทุกคน และการเพิ่มจำนวน IP อิสระ เป็นเรื่องที่จะทยอยทำไป โดยผู้ที่จะมาช่วยแนะนำการลงทุนให้นักลงทุนส่วนใหญ่จะต้องมีความรู้ และการที่มี IP อิสระเข้ามาช่วยจะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงนักลงทุนในกลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น และยังขยายความสามารถในการเข้าถึงลูกค้า และให้บริการอย่างมีคุณภาพ สำหรับนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเป็นอย่างดี หากสนใจจะเข้ามาแนะนำการลงทุนให้แก่นักลงทุน ก็สามารถติดต่อเข้ามาที่ฝ่ายการตลาดได้
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยภายหลังจากการเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ (Road Show) ที่ฮ่องกงในเรื่องกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (ThaiDEX SET50 ETF : TDEX) ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะรู้จักกองทุน TDEX ในระดับหนึ่ง เนื่องจากความจริงที่ว่า ETF (Exchange Traded Fund) เป็นผลิตภัณฑ์ที่คนในกลุ่มต่างๆ หันมาใช้เป็นอย่างมาก ลูกค้าง่ายมากที่จะใช้ และมีสภาาพคล่องที่ดี โดยผู้ใช้มีความชัดเจนในการคาดหวัง ที่มีลักษณะการลงทุนเหมือนดัชนี และไม่เบี่ยงเบนไป ถือเป็นข้อดีของการลงทุนใน ETF
โดยการไปให้ข้อมูลในครั้งนี้ เป็นการรับเชิญจากต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว และให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้ลงทุนมากขึ้น แต่การไปเดินทางในครั้งนี้ต้องการไปให้ข้อมูลมากกว่าการคาดหวังทางด้านตัวเลขการเข้ามาลงทุนของนักลงทุน โดยคาดว่านักลงทุนจะเข้าใจการลงทุนในกองทุน TDEX มากขึ้น โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว
ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนส่วนมาเลือกลงทุนใน ETF ดังกล่าว คือ 1.เป็นตัวแทนของดัชนีอะไร 2 .ค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ต่ำ สามารถจะส่งมอบความเป็นการลงทุนในดัชนีนั้นได้อย่างชัดเจน จริงหรือไม่ โดยการที่เรามี tracking error อย่างมีนัยยะสำคัญ และ 3.สภาพคล่อง โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุน โดยมีการให้ความรู้กับผู้ที่ต้องการลงทุนจำนวนมาก และคาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้นในระยะยาว และอย่างต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังไม่มีแผนงานที่จะไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ แต่จะยังมีการประชาสัมพันธ์โดยการให้ข้อมูลต่างๆ ของกองทุน TDEX โดยจะเข้าไปร่วมมือกับพันธมิตรที่มีลูกค้าต่างประเทศ แล้วเข้าไปให้ข้อมูลแก่ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแทน
สำหรับ TDEX จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และเข้าทำการซื้อขายในหมวดธุรกิจหน่วยลงทุนเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2550 มีมูลค่าโครงการทั้งหมด 10,000 ล้านบาท โดยในช่วงเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) สามารถระดมทุนได้ 1,010.98 ล้านบาท และมีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยลงทุนละ 5.6796 บาท
โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วยและส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) และพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ส่วนกองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกําไรสะสมหรือกําไรสุทธิ เมื่อกองทุนมีกําไรสะสมหรือกําไร สุทธิในงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผล และการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทําให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มี การจ่ายเงินปันผลนั้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยจะพิจารณาจ่ายในอัตราไม่เกิน 100% ของกําไรสะสม หรือกําไรสุทธินั้นๆ ทั้งนี้ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
นายสมจินต์ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดรับสมัครผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอิสระ (IP อิสระ) โดยเชื่อว่าการแนะนำการลงทุนเป็นวิชาชีพที่มีคุณค่า และการลงทุนมีความสำคัญต่อทุกคน และการเพิ่มจำนวน IP อิสระ เป็นเรื่องที่จะทยอยทำไป โดยผู้ที่จะมาช่วยแนะนำการลงทุนให้นักลงทุนส่วนใหญ่จะต้องมีความรู้ และการที่มี IP อิสระเข้ามาช่วยจะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงนักลงทุนในกลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น และยังขยายความสามารถในการเข้าถึงลูกค้า และให้บริการอย่างมีคุณภาพ สำหรับนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเป็นอย่างดี หากสนใจจะเข้ามาแนะนำการลงทุนให้แก่นักลงทุน ก็สามารถติดต่อเข้ามาที่ฝ่ายการตลาดได้
