กลับมาสร้างความคึกคักให้กับถนนเยาราชอีกครั้ง สำหรับร้านทอง (แม่) ทั้งหลาย...เพราะหลังจากเปิดขายเป็นวันแรกหลังจากหยุดไปในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ปรากฏว่าบรรดานักเก็งกำไร ต่างพร้อมใจ ขนทองคำมาขายจนเกิดปรากฏการณ์ต่อแถว เข้าคิวยาวเป็นหางว่าวอีกครั้ง...ซึ่งปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากราคาทองที่ปรับขึ้นล่อตาล่อใจ ล่าสุด ราคาขยับขึ้นไปถึง บาทละ 15,000 แล้ว....งานนี้ ถือว่าเงินสะพัดเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว
เห็นบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้แล้ว มาอัปเดตราคาทองกันดีกว่า...สำหรับราคาทองคำในต่างประเทศ มีการคาดการณ์กันว่า ทั้งปีนี้ น่าจะได้เห็นราคาทองคำในตลาดโลก ปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 950 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาที่เป็นสถิติสูงสุดในปี 2551 ที่ผ่านมา ที่เคยขึ้นไปถึง 1000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์...ซึ่งการที่ราคาทองในตลาดโลกมีสัญญาณปรับขึ้นดังกล่าว แน่นอนว่า ราคาทองคำในประเทศเองก็น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
วกกลับมาดูแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศกันบ้าง...ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานในแถลงประจำปีของผู้ว่าการ ธปท.ต่อสาธารณะว่า ในปีนี้ เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตต่อไปได้ ซึ่งจากการประเมินของธปท. เมื่อวันศุกร์ (23ม.ค.) ที่ผ่านมา ธปท.ได้ประมาณการว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2552 จะขยายตัวเฉลี่ยที่ระดับ 0-2% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานจะเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5-1.5% ในขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปอาจติดลลบบ้างในบางเดือน ซึ่งเป็นผลของการปรับลดลงของราคาน้ำมันอย่างมาก
เรื่องของการประคองเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนี้ ท่านผู้ว่ายืนยันว่า ธปท.พร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินท่ามกลางภาวการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมาก แต่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1.5% ในเดือนธันวาคม 2551 และเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ก็เป็นการชี้ว่า ธปท.ได้ดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแล้ว
เริ่มเห็นเงาลางๆ สำหรับ TSFC หลังจากบอร์ดตลาดหลักทรัพย์อนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านบาท ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต้องติดกัน เพราะยังมีขั้นตอนและรายละเอียดปลีกย่อย แต่ที่แน่ๆ นักลงทุนส่วนหนึ่งคงจะพอสบายใจขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะบรรดาบลจ.ที่มีตราสารตัวนี้ไว้ในพอร์ต...”ต้นกล้า”เป็นกำลังใจค่ะ ส่วนกระทรวงการคลังจะทำอย่างไรกับ TSFC จะนำมารายงานให้ทราบต่อไป
ฝีแตกจนได้กับการบินไทย ยิ่งวานนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า สถานการณ์ตอนนี้ น่ากลัวมาก และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลมองว่าน่ากลัวแต่ทำไมยังเงียบ คณะกรรมการ (บอร์ด) ก็ไม่ยอมลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่บกพร่องต่อหน้าที่และบริหารงานผิดพลาด นายสุเทพ ยิ่งตอกย้ำว่าเป็นเรื่องน่ากลัวมากเข้าไปอีก แต่ตอนนี้รัฐบาลกำลังเตรียมการอยู่ ที่ยังไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่อยากซ้ำเติมสถานการณ์ และจะขอดูข้อมูลรายละเอียดให้ชัดเจน...โอโหน่ากลัวจริงๆ แฮะ เพราะถึงขนาดพูดออกมาถึงสองครั้งว่า น่ากลัว น่ากลัว...
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของความรู้เช่นเคยกับงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่อง “การแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างของตลาดทุนไทย” ใครที่สนใจสามารถเข้าร่วมได้ในวันที่ 29 มกราคม 2551 ตั้งแต่เวลา 13.00-16.45 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย โดยสามารถสอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่งได้ที่ S-E-T Call Center 0 2229 2222 ...ต้นกล้า
เห็นบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้แล้ว มาอัปเดตราคาทองกันดีกว่า...สำหรับราคาทองคำในต่างประเทศ มีการคาดการณ์กันว่า ทั้งปีนี้ น่าจะได้เห็นราคาทองคำในตลาดโลก ปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 950 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาที่เป็นสถิติสูงสุดในปี 2551 ที่ผ่านมา ที่เคยขึ้นไปถึง 1000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์...ซึ่งการที่ราคาทองในตลาดโลกมีสัญญาณปรับขึ้นดังกล่าว แน่นอนว่า ราคาทองคำในประเทศเองก็น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
วกกลับมาดูแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศกันบ้าง...ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานในแถลงประจำปีของผู้ว่าการ ธปท.ต่อสาธารณะว่า ในปีนี้ เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตต่อไปได้ ซึ่งจากการประเมินของธปท. เมื่อวันศุกร์ (23ม.ค.) ที่ผ่านมา ธปท.ได้ประมาณการว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2552 จะขยายตัวเฉลี่ยที่ระดับ 0-2% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานจะเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5-1.5% ในขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปอาจติดลลบบ้างในบางเดือน ซึ่งเป็นผลของการปรับลดลงของราคาน้ำมันอย่างมาก
เรื่องของการประคองเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนี้ ท่านผู้ว่ายืนยันว่า ธปท.พร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินท่ามกลางภาวการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมาก แต่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1.5% ในเดือนธันวาคม 2551 และเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ก็เป็นการชี้ว่า ธปท.ได้ดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแล้ว
เริ่มเห็นเงาลางๆ สำหรับ TSFC หลังจากบอร์ดตลาดหลักทรัพย์อนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านบาท ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต้องติดกัน เพราะยังมีขั้นตอนและรายละเอียดปลีกย่อย แต่ที่แน่ๆ นักลงทุนส่วนหนึ่งคงจะพอสบายใจขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะบรรดาบลจ.ที่มีตราสารตัวนี้ไว้ในพอร์ต...”ต้นกล้า”เป็นกำลังใจค่ะ ส่วนกระทรวงการคลังจะทำอย่างไรกับ TSFC จะนำมารายงานให้ทราบต่อไป
ฝีแตกจนได้กับการบินไทย ยิ่งวานนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า สถานการณ์ตอนนี้ น่ากลัวมาก และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลมองว่าน่ากลัวแต่ทำไมยังเงียบ คณะกรรมการ (บอร์ด) ก็ไม่ยอมลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่บกพร่องต่อหน้าที่และบริหารงานผิดพลาด นายสุเทพ ยิ่งตอกย้ำว่าเป็นเรื่องน่ากลัวมากเข้าไปอีก แต่ตอนนี้รัฐบาลกำลังเตรียมการอยู่ ที่ยังไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่อยากซ้ำเติมสถานการณ์ และจะขอดูข้อมูลรายละเอียดให้ชัดเจน...โอโหน่ากลัวจริงๆ แฮะ เพราะถึงขนาดพูดออกมาถึงสองครั้งว่า น่ากลัว น่ากลัว...
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของความรู้เช่นเคยกับงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่อง “การแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างของตลาดทุนไทย” ใครที่สนใจสามารถเข้าร่วมได้ในวันที่ 29 มกราคม 2551 ตั้งแต่เวลา 13.00-16.45 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย โดยสามารถสอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่งได้ที่ S-E-T Call Center 0 2229 2222 ...ต้นกล้า