xs
xsm
sm
md
lg

หลังตรุษจีนโอกาสดียังมี มองให้ออก-จับจังหวะให้ถูกก็เฮง!ๆๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ต้องอย่าลืมว่าทุกวิกฤตนั้นย่อมมีโอกาสแฝงอยู่เช่นกัน การลงทุนระยะยาวคืออาวุธเด็ดที่ผู้จัดการกองทุน และผู้เชี่ยวชาญหลายท่านชวนให้นักลงทุนเลือกหยิบใช้ และถือว่าเป็นหนทางที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ขณะเดียวกันทุกๆสิ่งล้วนเป็นวัฏจักรมีลงย่อมมีขึ้น”

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ขอให้พี่น้องเชื่อสายจีน และที่ไม่ใช่ทุกๆคนมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่แดนมังกรในครั้งนี้ แม้ความความโศกจะยังมีมาเยือนพวกเราทุกคนจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ซบเซา ชะลอตัว หรือเผาจริงอย่างที่ใครต่อใครหลายคนว่าไว้ หรือจะเอาแต่นินทาดูถูกฝีมือการแก้ปัญหาของชาวบ้านผ่านการโทรศัพท์ข้ามประเทศ แต่หากความหวังยังไม่หมด ศรัทธายังไม่สิ้น ความเชื่อใจ เชื่อมั่นยังมีอยู่ เชื่อเรา..... พี่น้องชาวไทยทุกคนคน ทุกสายเลือดจะสามารถฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน ขอเพียงพวกเราทุกคนมีความสามัคคีร่วมมือร่วมแรง ร่วมใจเท่านั้นพอ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันกาย และอาวุธชั้นดีในการฝ่าฟันเรื่องร้ายๆต่างๆได้

ใครที่ปีนี้แต๊ะเอีย อังเปา ซบเซาเคยได้ 1,000 บาท เหลือ 500บาท เคยได้ 500บาท เหลือ 200บาท ก็อย่างพึ่งน้อยใจ ใครที่ไม่ได้รับก็ให้คิดว่าปีหน้ายังมีโอกาส ทองจาก 1 บาทเหลือแค่ 1 สลึงก็ยังดีกว่าไม่ได้รับไว้เลย การลงทุนก็เช่นกันปีที่ผ่านมาหลายคนเจ็บตัวจากพิษดัชนี-ราคาหุ้นที่ทรุดฮวบ พอสิ้นปีแสงแห่งความหวังเริ่มฟื้น แต่พอจะเริ่มมีความหวัง ฝันดีก็เริ่มกลับกลายมาเป็นผันร้ายอีก จากมรสุมพายุความเชื่อมั่นในต่างแดน ที่โหดร้ายทารุณมาดับความเชื่อมั่นของเปลวเทียนน้อยที่กำลังลุกโชติช่วงในความหวังของนักลงทุนหลายคน

วันนี้ 26 มกราคม เชื่อว่าจะมีพี่น้องนักลงทุนหลายคน หลบมรสุมความเครียดไปพักผ่อน ไหว้บรรพบุรุษ โดยบางรายอาจใช้จังหวะนี้ละมือจากคียบอร์ดกดคำสั่งซื้อขาย หรือหยุดการโฟนอินส์สั่งโบรกเกอร์ ผู้จัดการกองทุน ไปรับลมร้อนตามชายทะเล ฟังเสียงคลื่นโถมเข้ามากระทบฝั่งตามจังหวะ ซึ่งอาจจะดีกว่าคลื่นลดความเชื่อมั่นลงทุนที่ยังโหมเข้าสั่นคลอน ผ่านหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ที่มีตั้งแต่เล็กน้อย ถึงปานกลาง หรือชุดใหญ่ สักช่วงเวลา หรือสักพักหนึ่งก็ยังดี

เพราะบรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเชื่อว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (26ม.ค. – 30 ม.ค.) ดัชนีหุ้นจะแกว่งตัวกรอบแคบอยู่ในช่วงขาลง เพื่อรอดูปัจจัยใหม่ ขณะที่หลายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะปิดทำการ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อชีวิตคือการลงทุน เราจะหยุดนิ่งหรือเฝ้ารอ งอมืองอเท้าให้ใครมาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นเมื่อแวะพักเติมแรงเติมใจจนมีพลังแล้ว ข่าวสารข้อมูล ความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็เป็นที่มิควรมองข้าม ทางทีมงานจึงขอหยิบยกประเด็นสำคัญๆ ที่ควรติดตามต่อไปมานำเสนอ นั่นคือ ปัจจัยในเรื่องการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะมีเพิ่มเติม และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั่นเอง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะช่วยเพิ่มทางเลือก หรือการตัดสินใจของทุกท่านได้

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เราต้องมาดูที่ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ผลการประชุมนโยบายดอกเบี้ยของเฟดในวันที่ 27-28 ม.ค. และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของแดนมะกัน เช่น ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 , ปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจชุดใหม่ของ IMF , ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค เป็นต้น

ขณะที่ภาพรวมเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่า เมื่อคนกรุงเทพฯต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินจากการที่รายได้ของกิจการหดตัวลง อีกทั้งกิจการบางแห่งมีแนวโน้มจะปรับลดพนักงาน ปรับลดเงินเดือน รวมถึงปรับลดโบนัส อาจทำให้คนกรุงเทพฯจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะแต่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปถึงการจับจ่ายในช่วงวาระหรือเทศกาลสำคัญๆอีกหลายเทศกาลด้วย โดยเม็ดเงินวันตรุษจีนที่ในปีนี้ตรงกับวันนี้ (26 ม.ค.)จะมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลงเช่นปัจจุบันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเม็ดเงินในการแจกอั่งเปาให้แก่กัน ที่เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้ และเป็นประเพณีนิยมที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดสู่ชาวจีนรุ่นต่อรุ่นนอกเหนือจากการไหว้เจ้าหรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภซึ่งเด็กน้อยหรือลูกจ้างจำนวนไม่น้อยต่างตั้งความหวังที่จะได้รับอั่งเปาในวันตรุษจีนของทุกปี

จากสำรวจเชิงคุณภาพเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกากลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯเชื้อสายจีนประมาณร้อยละ 88.4 ไม่มีการปรับเพิ่มงบประมาณในการแจกอั่งเปาปีนี้ (โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ตั้งงบประมาณลดลงเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.3 และกลุ่มที่ตั้งงบประมาณใกล้เคียงกับปีก่อนเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.1) จึงมีความเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินใช้จ่ายเพื่อแจกการอั่งเปาของคนกรุงเทพฯเชื้อสายจีนในปีนี้ส่อแววไม่สดใส โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนประมาณ 7,400 ล้านบาท หรือลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5-7

สำหรับกลุ่มที่แจกอั่งเปาเป็นเครื่องประดับทองปีนี้ เชื่อว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 10 (ปีที่แล้วมีสัดส่วนร้อยละ 12.5) หรือมีการปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากเงินสดนั้นมีสภาพคล่องที่ดีกว่า ซึ่งอาจจะมีมูลค่าต่อผู้รับ 1 คน มากหรือน้อยจากปีก่อนก็ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของผู้ให้หรือเถ้าแก่เป็นสำคัญ อีกทั้งราคาทองในปัจจุบันที่แม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงบ้างจากช่วงตรุษจีนปีที่แล้ว แต่ก็ยังนับว่าเป็นระดับราคาที่สูงมาก โดยราคาขายทองรูปพรรณ 96.5% ในช่วง 10 วันก่อนวันตรุษจีนปี 2552 มีราคาขายไม่ต่ำกว่าบาทละ 14,200 บาท

ดังนั้นบรรยากาศการซื้อขายเครื่องประดับทองในเมืองไทยที่มักจะคึกคักในช่วงตรุษจีนของทุกปีจึงซบเซาพอสมควรในปีนี้ โดยรายงานข่าวล่าสุดช่วงวันจ่าย – วันไหว้ (เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา) จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงบรรยากาศการซื้อขายทองคำช่วงตรุษจีนว่า ราคาทองคำวันนี้สูงขึ้นประมาณ 400 บาทต่อทองคำน้ำหนัก 1 บาท ก็ทำให้มีผู้นำทอง คำมาขาย เพื่อทำกำไรค่อนข้างมาก โดยราคาทองแท่งอยู่ที่ 14,500-14,600 บาท ส่วนทองรูป พรรณ ราคาเฉลี่ยที่ 14,900-15,000 บาท แต่ต้องรอดูวันจันทร์นี้ที่คาดว่า ประชาชนจะมาซื้อทองไปมอบให้ญาติพี่น้องว่าจะคึกคักขึ้นหรือไม่ ส่วนโดยหากเปรียบเทียบกับปีก่อน ถือว่าบรรยากาศไม่คึกคักมากนัก เพราะประชาชนวิตกปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้การซื้อขายทองคำไม่คึกคักเท่าที่ควร

ทำให้ปี 2552 จึงเป็นอีกปีที่ผู้ประกอบการร้านค้าทองต้องเหนื่อยหนัก ท่ามกลางปัญหากำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากมรสุมทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วงชิงและรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ให้ได้มากที่สุดในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนที่มักจะมีมูลค่าการซื้อขายคึกคักมากกว่าช่วงเวลาปกติของปี โดยร้านค้าทองหลายแห่งหันมาเพิ่มสัดส่วนของสินค้าที่มีน้ำหนักทองต่ำกว่า 1 บาทมากขึ้นเพื่อดึงดูดผู้บริโภค ขณะที่ทองรูปพรรณที่มีน้ำหนัก 2-5 บาทที่เดิมเคยเป็นสินค้าขายดีของร้านค้าทองก็ต้องปรับลดจำนวนการผลิตลง เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอย

อย่างไรก็ตาม มรสุมเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยเพียงประเทศเดียว ประเทศอื่นๆทั่วโลกก็ได้รับมรสุมนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ต้องพูดว่า ช่วงเทศกาลต่างๆนอกจากสร้างความสุขให้กับผู้ร่วมเทศกาลแล้ว ยังสามารถช่วยเศรษฐกิจให้กลับคึกคักด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นการคึกคักเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม อาทิ เทศกาลปีใหม่สากล (31 ธ.ค. – 1ม.ค.) ที่ยอดกับจับจ่ายใช้สอยต่างๆจะมีมากกว่าปกติ รวมทั้งเทศกาลตรุษจีนก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกแบบไม่น้อยหน้าเทศกาลของชนชาติไหน เพราะพี่น้องชาวจีนเป็นชนชาติที่ขยัน อดทนสูงอีกทั้งต่างมีการทำมาค้าขาย และตั้งรกรากถิ่นอยู่ทุกภาค ทุกมุมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเทศกาล การจับจ่ายใช้สอยตามประเพณีจึงมีมากไปด้วย แม้ว่าจะปรับตัวลดลงเพราะพิษเศรษฐกิจครั้งนี้ก็ตาม ส่วนพี่ไทย เทศกาลสงกรานต์ – ลอยกระทง ก็ไม่ด้อยไปกว่าชาติอื่นๆหน้าไหน

โดยรวมแล้ว เรื่องที่นำเสนอนี้ อยากจะให้เห็นว่า ไม่ใช่เราเพียงคนเดียวที่ได้รับผลกระทบ คนอื่นๆและทุกๆคนในโลกนี้ก็ได้รับผลกระทบในเรื่องเดียวกัน แต่ต้องอย่าลืมว่าทุกวิกฤตนั้นย่อมมีโอกาสแฝงอยู่ในเช่นกัน การลงทุนระยะยาวคืออาวุธเด็ดที่ผู้จัดการกองทุน และผู้เชี่ยวชาญหลายท่านชวนให้นักลงทุนเลือกหยิบใช้ และถือว่าเป็นหนทางที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ขณะเดียวกันทุกๆสิ่งล้วนเป็นวัฏจักรมีลงย่อมมีขึ้น วันนี้และต่อๆไปราคาหุ้นอาจยังตกรูด เศรษฐกิจอาจชะลอตัวต่อไป แต่ในอนาคตมันย่อมมีวันที่จะกลับมา ขอให้ดูอย่าง อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นับว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่ายกย่อง และปฏิบัติตาม เท่าที่ทราบ...ท่านอาศัยจังหวะวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 สร้างตำนานการลงทุนที่มีคุณค่าขึ้นมา ทั้งนี้เพราะท่านมองวิกฤตเป็นโอกาสและจับจังหวะได้ดี แต่ไม่ใช่เพียงท่านคนเดียวท่านนั้นที่จะทำได้ เราทุกคนก็สามารถนำแนวคิดนี้มาใช้ หรือประยุกต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้ได้ หากมีการศึกษาข้อมูลในสิ่งที่ต้องการลงทุนอย่างละเอียด และมีตัดสินใจที่สมเหตุสมผล จากข้อมูลที่มีศักยภาพแม่นยำ รวมทั้งใจที่กล้าจะลงทุน

ดังนั้นเมื่อตัวเรามีเหตุมีผล มีการทำการบ้าน มีการติดตามตามข้อมูล แล้วนำสิ่งเหล่านี้มาประมวลกลั่นกรองพิจารณาอย่างรอบคอบ และรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เชื่อทุกคนจะสามารถประเมินอนาคต ภาพรวมของสิ่งที่ต้องการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะช่วยทำให้การตัดสินใจลงทุนนั้นไม่ผิด และ **เฮง!เฮง!เฮง!** ชีวิตสดใส โชติช่วงชัชวาล เงินทองไหลมาเทมา เหมือนดังคำอวยพรของเทศกาลตรุษจีนแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น