xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.พร้อมใจออกบอนด์เอกชน ชูผลตอบแทนสูงชิงจังหวะแบงก์ลดดอกเบี้ย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ชิงจังหวะแบงก์ปรับลดดอกเบี้ย ส่งกองทุนตราสารหนี้รับเงินฝาก "ทิสโก้" สานต่อกองซีรีส์ "สเปเชียล พลัส" เป็นกองที่ 7 เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนในปท. เรตติ้งดี ล็อกผลตอบแทน 2 ปี ฟันธงแนวโน้มดอกเบี้ยเงินฝาก-พันธบัตรรัฐบาลซึมยาว เตรียมเสนอขาย 23-30 ม.ค. นี้ ด้าน "เอ็มเอฟซี" ส่งกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีกาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ส์ 1 เพิ่มทางเลือกลงทุน ชูนโยบายเน้นลงทุนตราสารหนี้ไทยที่ผลตอบแทนดีและมั่นคง เปิดขายครั้งแรกวันที่ 21-27 มกราคมนี้

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. ทิสโก้ เชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้จะยังเป็นขาลง ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยนโยบาย ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ รวมถึงผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล จึงแนะนำว่าผู้ลงทุนควรขยายอายุของตราสารหนี้ที่จะลงทุนให้ยาวขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน บริษัทจึงได้เสนอ กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 7 ซึ่งเป็นกองตราสารหนี้ต่อเนื่องจาก "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 6" ที่เสนอขายเมื่อต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนโยบายการลงทุนเช่นเดียวกัน นั่นคือเป็นกองตราสารหนี้ในประเทศ ที่มุ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน (Auto Redemption)

ทั้งนี้ การที่บลจ. ทิสโก้ เลือกออกกองตราสารหนี้อายุ 2 ปี เนื่องจากมองว่าเป็นระยะเวลาที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ เพราะไม่นานจนเกินไป ผู้ลงทุนจึงควรล็อกผลตอบแทนเอาไว้ประมาณ 2 ปี ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะลดต่ำลงไปอีก เพราะเชื่อว่าเมื่อกองทุนครบอายุ ผู้ลงทุนจะได้ลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า

นายสาห์รัชกล่าวว่า จากการที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติเศรษฐกิจในอเมริกา ทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเหมือนกับประเทศอื่นๆ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับ 2.00% ในการประชุมครั้งล่าสุด และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างต่อเนื่อง โดยมีความเป็นไปได้มากที่จะถูกปรับลดลงสู่ระดับ 1-1.5% ภายในกลางปีนี้ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในทุกช่วงอายุปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจุบันก็ลดลงมามากแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 51 โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1-2 ปี ตอนนี้ให้ผลตอบแทนประมาณ 1.7-1.9% เท่านั้น เราจึงมองว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะปานกลางถึงระยะยาวให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนอีกต่อไป ในขณะตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีเรตติ้งดี ตั้งแต่ A- ขึ้นไป มีความน่าสนใจกว่า เพราะให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม หรือ Credit spread ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าบริษัทเอกชนที่สามารถออกหุ้นกู้ได้ยังคงมีความสามารถในการชำระคืนหนี้ในระดับที่ดี เนื่องจากหลายบริษัทมีหนี้สินอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับทุน และมีความแข็งแกร่งทางการเงินกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 มาก ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการเปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล แต่ยังไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการเล่นหุ้น แนะนำว่าควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนมากขึ้น และให้ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะ 3-5 ปีขึ้นไปลง

สำหรับกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 7 กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 20,000 บาท โดยคาดว่าจะเสนอขายในวันที่ 23 – 30 ม.ค. 52 นี้

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีจะเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีกาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ส์ 1 (MFC Karnjanasap Fund 3 Series 1) หรือ MK3S1 ในระหว่างวันที่ 21-27 มกราคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่า 800 ล้านบาท ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคาร และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ รวมทั้งสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน

โดยกองทุนเปิด MK3S1 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

สำหรับจุดเด่นของกองทุนเปิด MK3S1 คือกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ โดยลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเป็นการลงทุนระยะสั้นประมาณ 3 เดือน นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับคือมูลค่าเพิ่มของการลงทุน (Capital Gain) ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต้องเสียภาษี

ทั้งนี้ ผู้สนใจลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทเป็นต้นไป ทั้งนี้ หลังครบกำหนดอายุโครงการประมาณ 3 เดือน บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยตราสารมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนในตราสารหนี้อย่างต่อเนื่องของผู้ลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น