ASTVผู้จัดการรายวัน- บลจ.กสิกรไทย ชี้แจงผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2551 ของ "กองทุนเปิดรวงข้าวโกลบัล บาลานซ์" หลังมูลค่าสินทรัพย์กองทุนปรับลดลงเฉียด 150 ล้านบาท ตามภาวะตลาดทุนทั่วโลกปรับตัววูบ จนส่งผลต่อกองทุนแม่BGF Strategic Allocation Fund มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรูดลง 29%
นางอรอร วงศ์พินิจวโรดม ผู้บริหารฝ่ายบัญชีกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดรวงข้าวโกลบัล บาลานซ์ (RKGB) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 โดยเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนพบว่า สินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลง 149.12 ล้านบาท หรือ 3.74 บาทต่อหน่วย เนื่องจากกองทุน BGF Strategic Allocation Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่กองทุน RKGB ลงทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงร้อยละ 29.32 อันเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของตลาดทุนทั่วโลก
โดยการเปิดเผยผลการดำเนินงานครั้งนี้ อ้างถึงหนังสือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่บจ.(ว)65/2536 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2536 ซึ่งให้กองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงเหตุผลหากงบกำไรขาดทุนในงวดใดมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับ กองทุนกองทุนเปิดรวงข้าวโกลบัล บาลานซ์ (RKGB) เป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน ที่ประสงค์จะไม่ดำรงอัตราส่วนการลงทุนตามที่กฎหมาย สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. )กำหนด ประเภทขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเป็นช่วงเวลา ซึ่งไม่กำหนดอายุโครงการ มีจำนวนเงินทุนโครงการอยู่ที่ 920 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนมีวัตถุประสงค์ที่จะตอบสนองผู้ลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนที่จะได้รับจากดอกเบี้ยหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ในต่างประเทศ รวมทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนในตราสารทุนที่ออกและเสนอขายในต่างประเทศ หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นใดในต่างประเทศ โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ดังกล่าวของผู้ลงทุน
อย่างไรก็ตาม กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการจำหน่ายหน่วยลงทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ ประเภทกองทุนผสมที่จัดตั้งและลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นทั่วโลก อาทิ กองทุน MLIIF US Dollar Global Balanced Fund ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายหลักในการลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลกที่จัดตั้งและจัดการโดย Merrill Lynch Investment Managers (Channel Islands) Limited โดยกองทุนดังกล่าวจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบอร์ก และมีสถานะเป็นกองทุนที่สามารถซื้อขายได้ในหลายประเทศ (Authorised Status) อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮ่องกง
นอกจากการลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศแล้ว กองทุนRKGB จะลงทุนบางส่วนในประเทศไทย เพื่อเป็นการดำเนินงานของกองทุนในประเทศไทย รอจังหวะการลงทุนในต่างประเทศ รักษาสภาพคล่องของการทุน หรือสำหรับการอื่นใดอันมีลักษณะทำนองเดียวกันนี้ บริษัทจัดการฝากเงินของกองทุนไว้ในบัญชีเงินฝากในประเทศไทยหรือเงินฝากในต่างประเทศ รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฏหมาย ก.ล.ต.
ส่วนการซื้อขายหน่วยลงทุน บริษัทจัดการหรือตัวแทนจะเริ่มเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 30 มิถุนายนของทุกปี และผู้สั่งขายคืนหน่วยลงทุนจะต้องส่งคำสั่งขายคืนให้แก่บริษัทจัดการหรือตัวแทนในระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 มิถุนายน เพื่อทำรายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในวันที่ 30 มิถุนายน ของปีเดียวกันนั้น
นางอรอร วงศ์พินิจวโรดม ผู้บริหารฝ่ายบัญชีกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดรวงข้าวโกลบัล บาลานซ์ (RKGB) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 โดยเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนพบว่า สินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลง 149.12 ล้านบาท หรือ 3.74 บาทต่อหน่วย เนื่องจากกองทุน BGF Strategic Allocation Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่กองทุน RKGB ลงทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงร้อยละ 29.32 อันเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของตลาดทุนทั่วโลก
โดยการเปิดเผยผลการดำเนินงานครั้งนี้ อ้างถึงหนังสือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่บจ.(ว)65/2536 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2536 ซึ่งให้กองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงเหตุผลหากงบกำไรขาดทุนในงวดใดมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับ กองทุนกองทุนเปิดรวงข้าวโกลบัล บาลานซ์ (RKGB) เป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน ที่ประสงค์จะไม่ดำรงอัตราส่วนการลงทุนตามที่กฎหมาย สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. )กำหนด ประเภทขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเป็นช่วงเวลา ซึ่งไม่กำหนดอายุโครงการ มีจำนวนเงินทุนโครงการอยู่ที่ 920 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนมีวัตถุประสงค์ที่จะตอบสนองผู้ลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนที่จะได้รับจากดอกเบี้ยหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ในต่างประเทศ รวมทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนในตราสารทุนที่ออกและเสนอขายในต่างประเทศ หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นใดในต่างประเทศ โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ดังกล่าวของผู้ลงทุน
อย่างไรก็ตาม กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการจำหน่ายหน่วยลงทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ ประเภทกองทุนผสมที่จัดตั้งและลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นทั่วโลก อาทิ กองทุน MLIIF US Dollar Global Balanced Fund ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายหลักในการลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลกที่จัดตั้งและจัดการโดย Merrill Lynch Investment Managers (Channel Islands) Limited โดยกองทุนดังกล่าวจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบอร์ก และมีสถานะเป็นกองทุนที่สามารถซื้อขายได้ในหลายประเทศ (Authorised Status) อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮ่องกง
นอกจากการลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศแล้ว กองทุนRKGB จะลงทุนบางส่วนในประเทศไทย เพื่อเป็นการดำเนินงานของกองทุนในประเทศไทย รอจังหวะการลงทุนในต่างประเทศ รักษาสภาพคล่องของการทุน หรือสำหรับการอื่นใดอันมีลักษณะทำนองเดียวกันนี้ บริษัทจัดการฝากเงินของกองทุนไว้ในบัญชีเงินฝากในประเทศไทยหรือเงินฝากในต่างประเทศ รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฏหมาย ก.ล.ต.
ส่วนการซื้อขายหน่วยลงทุน บริษัทจัดการหรือตัวแทนจะเริ่มเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 30 มิถุนายนของทุกปี และผู้สั่งขายคืนหน่วยลงทุนจะต้องส่งคำสั่งขายคืนให้แก่บริษัทจัดการหรือตัวแทนในระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 มิถุนายน เพื่อทำรายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในวันที่ 30 มิถุนายน ของปีเดียวกันนั้น