เลขาธิการสปส.เเย้มกำไรกองทุนประกันสังคม ปี 2551 เข้าเป้าเเม้เจอเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อีกทั้งการลงทุนต่างประเทศจะขาดทุนจากเลห์เเมน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ย้ำมั่นใจมีเงินจ่ายผู้ประกันตนกรณีว่างงาน ล่าสุดจับมือธกส.ปล่อยกู้เงินให้กับผู้ประกันตนเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ตกงานในเบื้องต้น
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของกองทุนประกันสังคมในปี 2551 ว่า เเม้ในปีที่ผ่านมาเกิดวิฤกติเศรษฐกิจรุกรามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งวิฤกติที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับกองทุนประกันสังคมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตัวกรอบการลงทุนของประกันสังคมต้องผ่านคณะกรรมการนโยบายการลงทุน ซึ่งทางคณะกรรมการนโบายอาจจะมีเทคนิคในการบริหารจัดการกองทุน จึงทำให้กองทุนประกันสังคมเกิดกำไรในส่วนนี้ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศทางกองทุนประกันสังคมได้เข้าไปลงทุนในตราสารรหนี้ต่างประเทศของบริษัทเล่ห์เเมน บราเธอร์ส ซึ่งทางกองทุนได้เข้าไปลงทุนเป็นเวลา 4 ปีครึ่งด้วยกัน ส่วนตัวเลขที่กองทุนขาดทุนไปอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเหรีญสหรัฐด้วยกัน ขณะเดียวกันก่อนปลายเดือนมกราคม 2551 นี้ทางสปส.จะจัดงานเเถลงถึงผลการดำเนินงานของกองทุนประกันสังคมประจำปี 2551 เเละทิศทางในการบริหารจัดการกองทุนในปี 2552 อีกด้วย
"ทางเรามีเงินหมุนเวียนเข้ามาบริหารงานเป็นจำนวนเเสนล้านต่อปี เรามีการบริหารจัดการรายได้ ซึ่งในปี 2551 ทางกองทุนมีกำไรมากกว่าปี 2550 โดยผู้ประกันตนมั่นใจได้ว่า ประกันสังคมสามารถจ่ายเงินชดเชยกรณีผู้ประกันตนว่างงานในปี 2552 นี้ ขณะเดียวกันเรากำลังให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการจ่านค่าชดเชยกรณีว่างงานจาก 6 เดือน เป็น 8 เดือน อีกด้วย โดยในปี 2580 ทางสำนักงานประกันสังคมประเมินว่ากองทุนประกันสังคมจะมีเงินของผู้ประกันตนมาถึง 8,000,000 ล้านล้านบาท "
นายปั้น กล่าวต่อว่า สำหรับการร่ามมือระหว่างสำนักงานประกันสังคม เเละธนาคารเพื่อการเกษตรเเละสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จัดทำโครงการกู้วิกฤติเเรงงานไทยคืนถิ่น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างหรืออกจากกงานจากวิกฤติเศรษฐกิจให้ไดเมีเเหล่งเงินกู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพอิสระ หรือพัฒนาอาชีพ โดยสำนักงานประกันสังคมจะนำเงินกองทุนประกันสังคมกรณีว่างงานไปฝากไว้กับธกส. ซึ่งกองทุนจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝาก 1% เพื่อให้ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเเก่ผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน โดยสปส.เชื่อว่าการร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยบรรเท่าความเดือดร้อนให้กับผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างได้หรือออกจากงานประมาณ 100,000 คน ให้เข้าถึงเเหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเเละสามารถนำเงินกู้ดังกล่าวไปประกอบอาชีพอิสระหรือพัฒนาอาชีพต่อไป รวมทั้งยังจูงใจให้สมัครเป็นเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคม
"เเม้ว่าดอกเบี้ยที่สปส.ได้รับในโครงการครั้งนี้ น้อยกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ 1% ซึ่งตอนนี้ธนาคารให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% นั้นเราเชื่อว่าเราได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนน้อยก็จริง เเต่ถ้าดูในผลระยะยาวนั้นจะส่งผลดีให้กับผู้ประกันตนเเน่นอน โดยเราจะฝากเงินในวันที่ 12 มกราคมนี้ งวดเเรก 300 ล้าน ซึ่งถ้ามีการกู้เงินเกิดขึ้นเช่นมีการกู้เงิน 200 ล้าน ทางสปส.จะพิจาณาเติมเงินให้ โดยข้อตกลงกับทางธกส.นั้นทาง เราจะเป็นผู้ตรวจสอบว่าเป็นผู้ประกันตนหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ การประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด) ครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้นำเงินกองทุนประกันสังคมจำนวน 1 หมื่นล้านบาทไปใช้ในการลงทุนเพื่อสังคม โดยการปล่อยกู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งแยกเป็นในส่วนของลูกจ้าง 4,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สปส.จะนำเงินดังกล่าวไปทำข้อตกลงกับธนาคารพาณิชย์ ด้วยการฝากในธนาคารที่ร่วมโครงการ โดย สปส.จะยอมรับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่ต่ำประมาณ 1% เพื่อให้ธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกันตนและสถานประกอบการในอัตราที่ต่ำกว่าตลาด 1-2% เบื้องต้นบอร์ดเคยให้ความสนใจแนวทางของธ.ก.ส.ซึ่งมีโครงการฝึกอาชีพ และปล่อยกู้ให้ลูกค้าอยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจนนำมาสู่การอนุมัติโครงการในครั้งนี้
นอกจากนี้ เงื่อนไขของผู้มีสิทธิ์ขอรับการกู้เงินเบื้องต้นนั้น จะต้องเป็นผู้ที่ออกจากงานหรือต้องการเปลี่ยนงานใหม่ โดยวงเงินที่ปล่อยกู้ขึ้นอยู่กับโครงการที่ขอมา แต่จะไม่เท่ากัน ส่วนของผู้ประกอบการนั้น ที่ต้องกู้เงินเพื่อคงการจ้างงานเอาไว้ เพื่อ สปส. จะได้ไม่ต้องจ่ายประกันการว่างงานกรณีถูกเลิกจ้างและยังสามารถเก็บเงินสมทบลูกจ้างต่อไปได้ และเป็นที่มาของเงื่อนไขพิเศษว่า เมื่อกู้เงินไปแล้วสถานประกอบการต้องไม่เลิกจ้างลูกจ้าง หากผิดเงื่อนไขก็ต้องมีการลงโทษ เช่น เพิกถอนออกจากระบบที่ สปส.ให้การค้ำประกันอยู่
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของกองทุนประกันสังคมในปี 2551 ว่า เเม้ในปีที่ผ่านมาเกิดวิฤกติเศรษฐกิจรุกรามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งวิฤกติที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับกองทุนประกันสังคมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตัวกรอบการลงทุนของประกันสังคมต้องผ่านคณะกรรมการนโยบายการลงทุน ซึ่งทางคณะกรรมการนโบายอาจจะมีเทคนิคในการบริหารจัดการกองทุน จึงทำให้กองทุนประกันสังคมเกิดกำไรในส่วนนี้ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศทางกองทุนประกันสังคมได้เข้าไปลงทุนในตราสารรหนี้ต่างประเทศของบริษัทเล่ห์เเมน บราเธอร์ส ซึ่งทางกองทุนได้เข้าไปลงทุนเป็นเวลา 4 ปีครึ่งด้วยกัน ส่วนตัวเลขที่กองทุนขาดทุนไปอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเหรีญสหรัฐด้วยกัน ขณะเดียวกันก่อนปลายเดือนมกราคม 2551 นี้ทางสปส.จะจัดงานเเถลงถึงผลการดำเนินงานของกองทุนประกันสังคมประจำปี 2551 เเละทิศทางในการบริหารจัดการกองทุนในปี 2552 อีกด้วย
"ทางเรามีเงินหมุนเวียนเข้ามาบริหารงานเป็นจำนวนเเสนล้านต่อปี เรามีการบริหารจัดการรายได้ ซึ่งในปี 2551 ทางกองทุนมีกำไรมากกว่าปี 2550 โดยผู้ประกันตนมั่นใจได้ว่า ประกันสังคมสามารถจ่ายเงินชดเชยกรณีผู้ประกันตนว่างงานในปี 2552 นี้ ขณะเดียวกันเรากำลังให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการจ่านค่าชดเชยกรณีว่างงานจาก 6 เดือน เป็น 8 เดือน อีกด้วย โดยในปี 2580 ทางสำนักงานประกันสังคมประเมินว่ากองทุนประกันสังคมจะมีเงินของผู้ประกันตนมาถึง 8,000,000 ล้านล้านบาท "
นายปั้น กล่าวต่อว่า สำหรับการร่ามมือระหว่างสำนักงานประกันสังคม เเละธนาคารเพื่อการเกษตรเเละสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จัดทำโครงการกู้วิกฤติเเรงงานไทยคืนถิ่น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างหรืออกจากกงานจากวิกฤติเศรษฐกิจให้ไดเมีเเหล่งเงินกู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพอิสระ หรือพัฒนาอาชีพ โดยสำนักงานประกันสังคมจะนำเงินกองทุนประกันสังคมกรณีว่างงานไปฝากไว้กับธกส. ซึ่งกองทุนจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝาก 1% เพื่อให้ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเเก่ผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน โดยสปส.เชื่อว่าการร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยบรรเท่าความเดือดร้อนให้กับผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างได้หรือออกจากงานประมาณ 100,000 คน ให้เข้าถึงเเหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเเละสามารถนำเงินกู้ดังกล่าวไปประกอบอาชีพอิสระหรือพัฒนาอาชีพต่อไป รวมทั้งยังจูงใจให้สมัครเป็นเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคม
"เเม้ว่าดอกเบี้ยที่สปส.ได้รับในโครงการครั้งนี้ น้อยกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ 1% ซึ่งตอนนี้ธนาคารให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% นั้นเราเชื่อว่าเราได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนน้อยก็จริง เเต่ถ้าดูในผลระยะยาวนั้นจะส่งผลดีให้กับผู้ประกันตนเเน่นอน โดยเราจะฝากเงินในวันที่ 12 มกราคมนี้ งวดเเรก 300 ล้าน ซึ่งถ้ามีการกู้เงินเกิดขึ้นเช่นมีการกู้เงิน 200 ล้าน ทางสปส.จะพิจาณาเติมเงินให้ โดยข้อตกลงกับทางธกส.นั้นทาง เราจะเป็นผู้ตรวจสอบว่าเป็นผู้ประกันตนหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ การประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด) ครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้นำเงินกองทุนประกันสังคมจำนวน 1 หมื่นล้านบาทไปใช้ในการลงทุนเพื่อสังคม โดยการปล่อยกู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งแยกเป็นในส่วนของลูกจ้าง 4,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สปส.จะนำเงินดังกล่าวไปทำข้อตกลงกับธนาคารพาณิชย์ ด้วยการฝากในธนาคารที่ร่วมโครงการ โดย สปส.จะยอมรับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่ต่ำประมาณ 1% เพื่อให้ธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกันตนและสถานประกอบการในอัตราที่ต่ำกว่าตลาด 1-2% เบื้องต้นบอร์ดเคยให้ความสนใจแนวทางของธ.ก.ส.ซึ่งมีโครงการฝึกอาชีพ และปล่อยกู้ให้ลูกค้าอยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจนนำมาสู่การอนุมัติโครงการในครั้งนี้
นอกจากนี้ เงื่อนไขของผู้มีสิทธิ์ขอรับการกู้เงินเบื้องต้นนั้น จะต้องเป็นผู้ที่ออกจากงานหรือต้องการเปลี่ยนงานใหม่ โดยวงเงินที่ปล่อยกู้ขึ้นอยู่กับโครงการที่ขอมา แต่จะไม่เท่ากัน ส่วนของผู้ประกอบการนั้น ที่ต้องกู้เงินเพื่อคงการจ้างงานเอาไว้ เพื่อ สปส. จะได้ไม่ต้องจ่ายประกันการว่างงานกรณีถูกเลิกจ้างและยังสามารถเก็บเงินสมทบลูกจ้างต่อไปได้ และเป็นที่มาของเงื่อนไขพิเศษว่า เมื่อกู้เงินไปแล้วสถานประกอบการต้องไม่เลิกจ้างลูกจ้าง หากผิดเงื่อนไขก็ต้องมีการลงโทษ เช่น เพิกถอนออกจากระบบที่ สปส.ให้การค้ำประกันอยู่