บลจ.เอ็มเอฟซี คงเป้าดัชนีปีนี้ ได้เห็น 575 จุด ประเมินช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ดัชนีปรับขึ้น ก่อนจะพักฐานรอผลงานกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ถ้าตัวเลขเป็นบวกก็วิ่งต่อ พร้อมแนะลงทุนอย่างปลอดภัย ให้น้ำหนักหุ้น-ตราสารหนี้ อย่างละ 50% ชี้ยังเหลือโอกาสลงทุนในตราสารหนี้อยู่บ้าง หลังดอกเบี้ยปรับลดลงทั่วโลก
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 575 จุด ถึงแม้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศแล้วก็ตาม เพราะต้องดูก่อนว่าตลาดจะตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมากน้อยแค่ไหนโดยมองว่าหลังจากประกาศนโยบายแล้วประมาณ 2-3 เดือน ทุกอย่างก็น่าจะชัดเจนขึ้นว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะไปทางไหน
ทั้งนี้ ประเมินว่าการปรับตัวของดัชนีในช่วงแรกของปีนี้ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวนโยบายของรัฐบาลก่อน หลังจากนั้น จะค่อยๆ ปรับตัวลดลง เพื่อรอดูความชัดเจนอีกครั้งว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเห็นผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะดูได้จากตัวเลขเศรษฐกิจว่าจะฟื้นหรือไม่ ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตลาดหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดี ตลาดก็จะปรับตัวอยู่ในทิศทางขาลง
"ปัจจัยที่เป็นตัววัด อาจจะต้องพิจารณาจากนโยบายของภาครัฐที่ประกาศออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าใน 3 เดือนแรกอาจจะยังเป็นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของรัฐบาลอยู่ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีน่าจะยังปรับตัวดีขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาลว่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษบกิจได้มากน้อยเพียงใด และดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลดลง ซึ่งหลังจากนั้นในช่วงครึ่งปีอาจจะต้องดูสัญญาณว่าดัชนีในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัวหรือว่าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง"นายศุภกรกล่าว
ดังนั้น การลงทุนควรลงทุนแบบปลอดภัยหรือลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และตลาดหุ้นนั้นอาจจะลงทุนในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 50% ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี ซึ่งมองว่าสัดส่วนการลงทุนอาจจะต้องพิจารณาเป็นรายไตรมาส เนื่องจากตลาดมีความผันผวนและมีความไม่แน่นอนอยู่
โดยในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้นั้น นักลงทุนมีโอกาสที่จะเข้าลงทุนได้ แต่อาจจะเริ่มระมัดระวัง เพราะอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับตัวลดลง โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยนั้นยังอยู่ในระดับที่ 2.75% ซึ่งถือว่าดีกว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่มีโอกาสจะปรับตัวอยู่ที่ 0% ดังนั้น อาจจะต้องดูช่วงระยะเวลาในการรลงทุนให้ดี ประกอบกับเศรษฐกิจโดยรวมที่อาจจะยังแย่อยู่ แม้ไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 575 จุด ถึงแม้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศแล้วก็ตาม เพราะต้องดูก่อนว่าตลาดจะตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมากน้อยแค่ไหนโดยมองว่าหลังจากประกาศนโยบายแล้วประมาณ 2-3 เดือน ทุกอย่างก็น่าจะชัดเจนขึ้นว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะไปทางไหน
ทั้งนี้ ประเมินว่าการปรับตัวของดัชนีในช่วงแรกของปีนี้ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวนโยบายของรัฐบาลก่อน หลังจากนั้น จะค่อยๆ ปรับตัวลดลง เพื่อรอดูความชัดเจนอีกครั้งว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเห็นผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะดูได้จากตัวเลขเศรษฐกิจว่าจะฟื้นหรือไม่ ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตลาดหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดี ตลาดก็จะปรับตัวอยู่ในทิศทางขาลง
"ปัจจัยที่เป็นตัววัด อาจจะต้องพิจารณาจากนโยบายของภาครัฐที่ประกาศออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าใน 3 เดือนแรกอาจจะยังเป็นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของรัฐบาลอยู่ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีน่าจะยังปรับตัวดีขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาลว่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษบกิจได้มากน้อยเพียงใด และดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลดลง ซึ่งหลังจากนั้นในช่วงครึ่งปีอาจจะต้องดูสัญญาณว่าดัชนีในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัวหรือว่าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง"นายศุภกรกล่าว
ดังนั้น การลงทุนควรลงทุนแบบปลอดภัยหรือลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และตลาดหุ้นนั้นอาจจะลงทุนในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 50% ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี ซึ่งมองว่าสัดส่วนการลงทุนอาจจะต้องพิจารณาเป็นรายไตรมาส เนื่องจากตลาดมีความผันผวนและมีความไม่แน่นอนอยู่
โดยในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้นั้น นักลงทุนมีโอกาสที่จะเข้าลงทุนได้ แต่อาจจะเริ่มระมัดระวัง เพราะอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับตัวลดลง โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยนั้นยังอยู่ในระดับที่ 2.75% ซึ่งถือว่าดีกว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่มีโอกาสจะปรับตัวอยู่ที่ 0% ดังนั้น อาจจะต้องดูช่วงระยะเวลาในการรลงทุนให้ดี ประกอบกับเศรษฐกิจโดยรวมที่อาจจะยังแย่อยู่ แม้ไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่