2 บลจ. " เอ็มเอฟซี กับ ไอเอ็นจี "ขานรับประกาศกลต.ขยายเวลาซื้อขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาวรวม 4 โครงการ เป็นทุกวันทำการ เพิ่มโอกาสผู้ถือหน่วยสามารถลงทุนได้ในจังหวะที่เหมาะสม โดย บลจ.เอ็มเอฟซี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมส่วน ไอเอ็นจี เริ่ม 2 มกราคมปีหน้า
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีได้ขยายเวลาในการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว (MA-LTF) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีโกลบอลหุ้นระยะยาว (MG-LTF) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีอิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIF-LTF) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ทุกวันทำการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมเป็นต้นไป จากเดิมที่เปิดให้ขายคืนปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากจังหวะเข้าออกของการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวในสถานการณ์ตลาดทุนและสภาพเศรษฐกิจที่เหมาะสม ตลอดจนสอดคล้องกับประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการยกเลิกกำหนดระยะเวลาในการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF
โดยปัจจุบัน เอ็มเอฟซีมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาวให้เลือกลงทุนได้ตามความต้องการของนักลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด MV-LTF และ กองทุนเปิด MA-LTF ลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีราคาของหลักทรัพย์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน กองทุนเปิด MG-LTF ลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และสามารถลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สิน และกองทุนเปิด MIF-LTF ลงทุนในหุ้นสามัญที่ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม โดยกองทุนเปิด MV-LTF กองทุนเปิด MG-LTF และกองทุนเปิด MIF-LTF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของกำไรสะสม
เช่นเดียวกับ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ดำเนินการเพิ่มวันทำการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ตามที่ประกาศของ กลต. ทั้ง 4 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไทย 70/30 ปันผล หุ้นระยะยาว และกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว เพื่อเพิ่มความสะดวกและคล่องตัวให้กับผู้ลงทุน จากเดิมที่ขายคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งตามที่กฎหมายกำหนด คือ ทุกวันทำการแรกของเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคมของทุกปี เพิ่มเป็นขายคืนได้ทุกวันทำการ ระหว่างเวลาเริ่มทำการถึงเวลา 15.00 น. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับผลการดำเนินงานของทั้ง 4 กองทุน ณ วันที่ 28 พฤศิจายน 2551 กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -34.77% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEX อยู่ที่ -41.29% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -44.05% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 51.80% กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
ขณะที่กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -35.78% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -42.33% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -45.55% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -53.19 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวมมากกว่า 2% เมื่อเทียบกับมูลค่าของตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูง และไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
ด้านกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไทย 70/30 ปันผล หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -28.65% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEX อยู่ที่ -41.29% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -37.21% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่-51.80% ทั้งนี้กองทุนได้เน้นลงทุนหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
และสุดท้ายกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาวมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -35.70% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEX อยู่ที่ -41.29% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -45.35% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -51.80% ซึ่งกองทุนมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีได้ขยายเวลาในการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว (MA-LTF) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีโกลบอลหุ้นระยะยาว (MG-LTF) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีอิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIF-LTF) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ทุกวันทำการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมเป็นต้นไป จากเดิมที่เปิดให้ขายคืนปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากจังหวะเข้าออกของการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวในสถานการณ์ตลาดทุนและสภาพเศรษฐกิจที่เหมาะสม ตลอดจนสอดคล้องกับประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการยกเลิกกำหนดระยะเวลาในการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF
โดยปัจจุบัน เอ็มเอฟซีมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาวให้เลือกลงทุนได้ตามความต้องการของนักลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด MV-LTF และ กองทุนเปิด MA-LTF ลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีราคาของหลักทรัพย์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน กองทุนเปิด MG-LTF ลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และสามารถลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สิน และกองทุนเปิด MIF-LTF ลงทุนในหุ้นสามัญที่ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม โดยกองทุนเปิด MV-LTF กองทุนเปิด MG-LTF และกองทุนเปิด MIF-LTF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของกำไรสะสม
เช่นเดียวกับ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ดำเนินการเพิ่มวันทำการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ตามที่ประกาศของ กลต. ทั้ง 4 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไทย 70/30 ปันผล หุ้นระยะยาว และกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว เพื่อเพิ่มความสะดวกและคล่องตัวให้กับผู้ลงทุน จากเดิมที่ขายคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งตามที่กฎหมายกำหนด คือ ทุกวันทำการแรกของเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคมของทุกปี เพิ่มเป็นขายคืนได้ทุกวันทำการ ระหว่างเวลาเริ่มทำการถึงเวลา 15.00 น. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับผลการดำเนินงานของทั้ง 4 กองทุน ณ วันที่ 28 พฤศิจายน 2551 กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -34.77% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEX อยู่ที่ -41.29% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -44.05% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 51.80% กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
ขณะที่กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -35.78% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -42.33% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -45.55% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -53.19 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวมมากกว่า 2% เมื่อเทียบกับมูลค่าของตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูง และไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
ด้านกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไทย 70/30 ปันผล หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -28.65% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEX อยู่ที่ -41.29% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -37.21% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่-51.80% ทั้งนี้กองทุนได้เน้นลงทุนหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
และสุดท้ายกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาวมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -35.70% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEX อยู่ที่ -41.29% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -45.35% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -51.80% ซึ่งกองทุนมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
