คอลัมน์ Q&A
ถาม- อยากทราบว่า ถ้าดิฉันจะซื้อกองทุนรวมหุ้น ควรเลือกซื้อกองทุนรวมออกใหม่ หรือกองทุนรวมกองเก่าที่มีอยู่แล้ว ลงทุนในกองไหนดีกว่ากัน มีเพื่อนแนะนำว่าให้ซื้อกองทุนออกใหม่ดีกว่า เพราะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ในราคาถูก เพียงแค่ 10 บาทต่อหน่วยเท่านั้น จริงหรือไม่
ตอบ เจ้าหน้าที่จากสมาคมบริษัทจัดการกองทุน ได้ตอบคำถามไว้ดังนี้ ครับ การจะพิจารณาว่า กองทุนรวมใดมีราคาถูกหรือแพงนั้น คงไม่ได้พิจารณากันที่ว่าราคาหรือมูลค่าหน่วยลงทุนจะมีราคาอยู่ที่ 10 บาท 8 บาท หรือ 15 บาท แต่ต้องพิจารณาหรือวัดกันที่มูลค่าของหลักทรัพย์หรือหุ้นที่กองทุนรวมได้ลงทุนไว้ว่า ณ เวลานั้น มูลค่าของหลักทรัพย์หรือหุ้นที่กองทุนลงทุนอยู่ มีราคาตลาดต่ำหรือสูงกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น กรณีกองทุนออกใหม่ที่มีราคาเสนอขายที่ 10 บาทต่อหน่วย การที่เราจะบอกว่า ณ ราคา 10 บาทต่อหน่วยนั้นแพงหรือถูก คงไม่สามารถจะบอกได้ เพราะเราอาจจะไม่ทราบว่าบริษัทจัดการจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหน่วยลงทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือหุ้นใดบ้าง แต่ถ้าเป็นกองทุนรวมกองเก่า ผู้ลงทุนสามารถติดตามและพิจารณาได้ว่ากองทุนรวมกองใดมีราคาแพงหรือถูก จากมูลค่าของหลักทรัพย์หรือหุ้นที่ได้ลงทุนไว้ของกองทุนรวมกองนั้นๆ
ตัวอย่าง หลักทรัพย์ AAA ราคาตลาดอยู่ที่ 35 บาท เเละมีมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์อยู่ที่ 60 บาท ส่วนหลักทรัพย์ BBB ราคาตลาดอยู่ที่ 120 บาท มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์ อยู่ที่ 80 บาท
สมมติว่ากองทุนรวม ก. ถือหลักทรัพย์ AAA ส่วนกองทุนรวม ข. ถือหลักทรัพย์ BBB ถามว่าผู้ลงทุนจะเลือกซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมใด ถึงจะได้หน่วยลงทุนในราคาถูก คำตอบก็คือ ผู้ลงทุนต้องเข้าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ก. เพราะหลักทรัพย์ AAA ที่กองทุนรวม ก. ถืออยู่นั้น มีราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น หากราคาตลาดของหลักทรัพย์ AAA ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากราคาตลาดที่ 35 บาท ไปยังระดับราคามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานที่ 60 บาทแล้ว ก็จะส่งผลให้กองทุนรวม ก. ที่ถือหลักทรัพย์ AAA อยู่ มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากราคาหลักทรัพย์หรือหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นด้วย ผู้ลงทุนก็จะมีโอกาสสูงที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้หรือเท่ากับเป็นการซื้อหน่วยลงทุนมาในราคาที่ถูกนั่นเอง
ในทางกลับกัน หากผู้ลงทุนไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ข. ที่ถือหลักทรัพย์ BBB อยู่ โอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้แทบจะไม่มีเลย เนื่องจาก หลักทรัพย์ BBB ที่กองทุนรวม ข. ถืออยู่นั้น มีราคาตลาดสูงกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น โอกาสที่ราคาตลาดของหลักทรัพย์ BBB จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกคงจะเป็นไปได้ยาก แต่ราคาตลาดของหลักทรัพย์ BBB กลับมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมาสู่มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของตัวมันเอง ผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ข. ก็ถือได้ว่าซื้อหน่วยลงทุนมาในราคาแพง ทั้งนี้ เพราะมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ข. มีโอกาสสูงที่จะปรับตัวลดลงตามราคาหลักทรัพย์ BBB ซึ่งได้ลงทุนไว้นั่นเอง
จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ลงทุนอาจจะยังสงสัยว่า แล้วเราจะไปหาหรือดูข้อมูลที่กล่าวมาได้จากที่ไหนบ้าง ? สำหรับข้อมูลหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมแต่ละกองทุนลงทุนไว้นั้น ผู้ลงทุนสามารถหาดูได้จากรายงาน 6 เดือน หรือรายงานประจำปี หรือในเว็บไซต์กองทุนรวมที่ www.thaimutualfund.com ในหัวข้อ MRAP หรืออันดับหลักทรัพย์หรือตราสารที่ลงทุนใน 10 อันดับแรกจากหัวข้อ Mutual Fund Profile หรือจะศึกษาจากเว็บไซต์ของบริษัทจัดการของกองทุนรวมกองนั้นๆ ก็ได้ค่ะ
ส่วนข้อมูล ที่จะนำมาพิจารณาว่าหลักทรัพย์นั้นๆ ราคาตลาดสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ผู้ลงทุนสามารถสืบค้นและศึกษาได้จากบทสรุปหรือบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ต่างๆ ซึ่งมีรวบรวมไว้ที่เว็บไซต์ของ เซ็ทเทรด www.settrade.com ในหัวข้อ Analyst Consensus (Analyst Consensus คือ การสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ติดตามข้อมูลรายบริษัทอย่างใกล้ชิด โดยจะนำเสนอในรูปตารางสรุปตัวเลขสำคัญทางการเงินรายบริษัท เช่น กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น (EPS) อัตราเงินปันผล (DIY) มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน (Target Price) คำแนะนำสำหรับการลงทุน เป็นต้น)
สรุป ณ ราคาเสนอขายที่ 10 บาทต่อหน่วยหรือไม่ว่าจะเป็นราคาใดๆ เราจะไม่สามารถจะบอกได้ว่าราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมกองนั้นถูกหรือแพงได้เลย หากเราไม่ทราบว่า กองทุนรวมนำเงินไปลงทุนไว้ในหลักทรัพย์ใดหรือกลุ่มหลักทรัพย์ใดบ้าง แล้วหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์เหล่านั้น มีโอกาสที่จะเติบโตหรือสร้างผลตอบแทนกลับมามากน้อยแค่ไหนในอนาคต
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยในเรื่องเกี่ยวกับกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ไว้ที่ www.manager.co.th หน้ากองทุนรวม ครับ ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้ท่านอย่างเเน่นอน
ถาม- อยากทราบว่า ถ้าดิฉันจะซื้อกองทุนรวมหุ้น ควรเลือกซื้อกองทุนรวมออกใหม่ หรือกองทุนรวมกองเก่าที่มีอยู่แล้ว ลงทุนในกองไหนดีกว่ากัน มีเพื่อนแนะนำว่าให้ซื้อกองทุนออกใหม่ดีกว่า เพราะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ในราคาถูก เพียงแค่ 10 บาทต่อหน่วยเท่านั้น จริงหรือไม่
ตอบ เจ้าหน้าที่จากสมาคมบริษัทจัดการกองทุน ได้ตอบคำถามไว้ดังนี้ ครับ การจะพิจารณาว่า กองทุนรวมใดมีราคาถูกหรือแพงนั้น คงไม่ได้พิจารณากันที่ว่าราคาหรือมูลค่าหน่วยลงทุนจะมีราคาอยู่ที่ 10 บาท 8 บาท หรือ 15 บาท แต่ต้องพิจารณาหรือวัดกันที่มูลค่าของหลักทรัพย์หรือหุ้นที่กองทุนรวมได้ลงทุนไว้ว่า ณ เวลานั้น มูลค่าของหลักทรัพย์หรือหุ้นที่กองทุนลงทุนอยู่ มีราคาตลาดต่ำหรือสูงกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น กรณีกองทุนออกใหม่ที่มีราคาเสนอขายที่ 10 บาทต่อหน่วย การที่เราจะบอกว่า ณ ราคา 10 บาทต่อหน่วยนั้นแพงหรือถูก คงไม่สามารถจะบอกได้ เพราะเราอาจจะไม่ทราบว่าบริษัทจัดการจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหน่วยลงทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือหุ้นใดบ้าง แต่ถ้าเป็นกองทุนรวมกองเก่า ผู้ลงทุนสามารถติดตามและพิจารณาได้ว่ากองทุนรวมกองใดมีราคาแพงหรือถูก จากมูลค่าของหลักทรัพย์หรือหุ้นที่ได้ลงทุนไว้ของกองทุนรวมกองนั้นๆ
ตัวอย่าง หลักทรัพย์ AAA ราคาตลาดอยู่ที่ 35 บาท เเละมีมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์อยู่ที่ 60 บาท ส่วนหลักทรัพย์ BBB ราคาตลาดอยู่ที่ 120 บาท มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์ อยู่ที่ 80 บาท
สมมติว่ากองทุนรวม ก. ถือหลักทรัพย์ AAA ส่วนกองทุนรวม ข. ถือหลักทรัพย์ BBB ถามว่าผู้ลงทุนจะเลือกซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมใด ถึงจะได้หน่วยลงทุนในราคาถูก คำตอบก็คือ ผู้ลงทุนต้องเข้าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ก. เพราะหลักทรัพย์ AAA ที่กองทุนรวม ก. ถืออยู่นั้น มีราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น หากราคาตลาดของหลักทรัพย์ AAA ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากราคาตลาดที่ 35 บาท ไปยังระดับราคามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานที่ 60 บาทแล้ว ก็จะส่งผลให้กองทุนรวม ก. ที่ถือหลักทรัพย์ AAA อยู่ มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากราคาหลักทรัพย์หรือหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นด้วย ผู้ลงทุนก็จะมีโอกาสสูงที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้หรือเท่ากับเป็นการซื้อหน่วยลงทุนมาในราคาที่ถูกนั่นเอง
ในทางกลับกัน หากผู้ลงทุนไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ข. ที่ถือหลักทรัพย์ BBB อยู่ โอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้แทบจะไม่มีเลย เนื่องจาก หลักทรัพย์ BBB ที่กองทุนรวม ข. ถืออยู่นั้น มีราคาตลาดสูงกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น โอกาสที่ราคาตลาดของหลักทรัพย์ BBB จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกคงจะเป็นไปได้ยาก แต่ราคาตลาดของหลักทรัพย์ BBB กลับมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมาสู่มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของตัวมันเอง ผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ข. ก็ถือได้ว่าซื้อหน่วยลงทุนมาในราคาแพง ทั้งนี้ เพราะมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ข. มีโอกาสสูงที่จะปรับตัวลดลงตามราคาหลักทรัพย์ BBB ซึ่งได้ลงทุนไว้นั่นเอง
จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ลงทุนอาจจะยังสงสัยว่า แล้วเราจะไปหาหรือดูข้อมูลที่กล่าวมาได้จากที่ไหนบ้าง ? สำหรับข้อมูลหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมแต่ละกองทุนลงทุนไว้นั้น ผู้ลงทุนสามารถหาดูได้จากรายงาน 6 เดือน หรือรายงานประจำปี หรือในเว็บไซต์กองทุนรวมที่ www.thaimutualfund.com ในหัวข้อ MRAP หรืออันดับหลักทรัพย์หรือตราสารที่ลงทุนใน 10 อันดับแรกจากหัวข้อ Mutual Fund Profile หรือจะศึกษาจากเว็บไซต์ของบริษัทจัดการของกองทุนรวมกองนั้นๆ ก็ได้ค่ะ
ส่วนข้อมูล ที่จะนำมาพิจารณาว่าหลักทรัพย์นั้นๆ ราคาตลาดสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ผู้ลงทุนสามารถสืบค้นและศึกษาได้จากบทสรุปหรือบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ต่างๆ ซึ่งมีรวบรวมไว้ที่เว็บไซต์ของ เซ็ทเทรด www.settrade.com ในหัวข้อ Analyst Consensus (Analyst Consensus คือ การสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ติดตามข้อมูลรายบริษัทอย่างใกล้ชิด โดยจะนำเสนอในรูปตารางสรุปตัวเลขสำคัญทางการเงินรายบริษัท เช่น กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น (EPS) อัตราเงินปันผล (DIY) มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน (Target Price) คำแนะนำสำหรับการลงทุน เป็นต้น)
สรุป ณ ราคาเสนอขายที่ 10 บาทต่อหน่วยหรือไม่ว่าจะเป็นราคาใดๆ เราจะไม่สามารถจะบอกได้ว่าราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมกองนั้นถูกหรือแพงได้เลย หากเราไม่ทราบว่า กองทุนรวมนำเงินไปลงทุนไว้ในหลักทรัพย์ใดหรือกลุ่มหลักทรัพย์ใดบ้าง แล้วหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์เหล่านั้น มีโอกาสที่จะเติบโตหรือสร้างผลตอบแทนกลับมามากน้อยแค่ไหนในอนาคต
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยในเรื่องเกี่ยวกับกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ไว้ที่ www.manager.co.th หน้ากองทุนรวม ครับ ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้ท่านอย่างเเน่นอน