เอเอฟพี - สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ระบุในรายงานประจำปีโดยคาดหมายว่า ราคาน้ำมันจะเหวี่ยงขึ้นลงอย่างรุนแรงในช่วง 100 ดอลลาร์ในเวลาสองสามปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว นั่นคือสู่ระดับ 200 ดอลลาร์ ในเวลา 22 ปีข้างหน้า
ราคานี้เพิ่มขึ้นลิ่วจากที่ไออีเอเคยประมาณการไว้เมื่อ 12 เดือนก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นการคาดการณ์ที่ไม่ค่อยจะดุเดือดเท่าใดนัก เมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มของที่มีผู้ทำนายกันในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ไออีเอประมาณการราคาว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัวเมื่อถึงปี 2030 หรือในอีก 22 ปีข้างหน้า ถึงแม้เพียงไม่กี่เดือนมานี้เอง โลกได้เห็นราคาน้ำมันทะยานขึ้นเป็น 3 เท่าตัวภายในเวลาแค่ 18 เดือน โดยขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม
หน่วยงานศึกษาวิจัยด้านพลังงานของพวกประเทศอุตสาหกรรมแห่งนี้ ชี้ว่า น้ำมันยังจะมีปริมาณให้ใช้ได้อย่างเพียงพอในช่วงหลายสิบปีข้างหน้า แต่ก็เตือนว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในด้านการผลิตและการใช้พลังงานกันอย่างรุนแรง จึงจะสร้างหลักประกันให้แก่ความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนสภาพของพิภพแห่งนี้
"ตอนนี้ระบบพลังงานโลกได้มาถึงทางแยกแล้ว เพราะว่าแนวโน้มการบริโภคและการผลิตที่อยู่ในปัจจุบันนั้นไม่สามารถจะยืนยาวต่อไปได้ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม" ไออีเอเตือนไว้เช่นนี้ในบทสรุปของรายงานประจำปี "ทิศทางแนวโน้มพลังงานโลก" ฉบับล่าสุดของทางสำนักงาน
"แต่เรายังคงสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง และจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง โดยที่ยังคงมีเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงหนทางที่เรากำลังเดินอยู่"
"อนาคตแห่งความรุ่งโรจน์ของมนุษย์นั้น ต้องอาศัยความสำเร็จของเราที่จะควบคุมปัจจัยด้านพลังงาน 2 ประการ นั่นก็คือ การได้มาซึ่งพลังงานที่มีความมั่นคงและราคาถูก และการเร่งเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่มีคาร์บอนต่ำ ที่มีระบบหล่อเลี้ยงด้านพลังงานอันทรงประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"
นอกจากนี้ไออีเอประกาศอีกว่า "การป้องกันความหายนะและความเสียหายต่อภูมิอากาศของโลกนั้น โดยถึงที่สุดแล้วจำเป็นจะต้องดำเนินกระบวนการเลิกใช้คาร์บอนมาเป็นแหล่งพลังงาน"
นอกจากนี้ไออีเอ คาดด้วยว่า พลังงานที่ผลิตจากทรัพยากรที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ จะสามารถแซงหน้าก๊าซธรรมชาติ และกลายมาเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้ากันมากเป็นอันดับสองรองจากถ่านหินภายในปี 2010
รายงานไออีเอ ระบุว่า ราคาน้ำมันจะแตะระดับ 200 ดอลลาร์ภายในปี 2030 แต่เมื่อหักอัตราเงินเฟ้ออกไปแล้ว ราคาดังกล่าวก็จะเท่ากับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลของราคาปัจจุบัน
ราคาน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดตอนปิดตลาดในวันพฤหัสบดี (6) นั้น อยู่ที่ 60.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากระดับ 147 ดอลลาร์ของเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลเรื่องต้นทุนระยะยาว,ปริมาณ ตลอดจนมีการหันไปหาเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ
ตอนที่ราคาน้ำมันแตะระดับ 100 ดอลลาร์เมื่อต้นปีนี้ นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าราคาจะขึ้นไปที่ 200 ดอลลาร์ในปีหน้า แต่ในที่สุดวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ตามมา ก็ทำให้ราคาดิ่งลงมารุนแรงและรวดเร็ว
ไออีเอซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังด้านพลังงาน และเป็นหน่วยงานนโยบายพลังงานภายใต้องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ได้ให้คำทำนายที่น่าสนใจในรายงานฉบับนี้ที่นำออกเผยแพร่ในวันพุธดังนี้ :
--โลกจะพึ่งพิงน้ำมันและก๊าซต่อไปเป็นเวลานานแต่ก็จะมีทรัพยากรเพียงพอตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายๆ ปีข้างหน้า
--การผลิตน้ำมันส่วนใหญ่จะมาจากตะวันออกกลาง แอฟริกาและรัสเซีย และความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง
--ความเฉื่อยเนือยในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจะส่งผลให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในสิ้นศตวรรษนี้ และอุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 6 องศาเซลเซียส
--การลงทุนจำนวนมหาศาลนั้นจำเป็นต่อการเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซ นอกจากนี้ก็ยังต้องการให้มีการลงทุนในพลังงานทางเลือกอื่นๆ เพื่อลดการคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมของโลก แต่พวกบริษัทระดับชาติต่างๆ อาจจะไม่สามารถลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซได้รวดเร็วทันการณ์
--การลงทุนในภาคการผลิตน้ำมันและก๊าซเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการในปี 2030 จะต้องมีจำนวนสะสมกันเกินกว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 12 เดือนก่อนถึง 4.0 ล้านล้านดอลลาร์
--กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันระหว่างประเทศจะถูกบีบคั้นมากขึ้นจากปัจจัยของประเทศของตัวเอง