xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนความเสี่ยงต่ำ ตราสารหนี้ในประเทศ-โรลโอเวอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ช่วงนี้การลงทุนยังคงผันผวน ประกอบกับเป็นช่วงปลายปี ทุกบลจ.ต่างหันมาให้ความสำคัญในการขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF เป็นหลักทำให้ยังไม่มีกองทุนใหม่ๆ แปลกตาออกมา

อย่างไรก็ตาม ที่เห็นจะมีบ้างคงหนีไม่พ้นกองทุนตราสารหนี้ภายในประเทศ ประเภทโรลโอเวอร์ที่มีขายกันเป็นประจำทุกเดือนสำหรับบลจ.ขนาดใหญ่ แต่สำหรับเทรนด์ในช่วงดอกเบี้ยขาลงอย่างนี้ กองพันธบัตรระยะ 1-2 ปีก็มีออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเช่นกัน

เอาเป็นคอลัมณ์ “Mutualfund IPO” จึงขอประมวลกองทุนตราสารหนี้ที่อยู่ในระหว่างการเสนอขาย เพื่อแนะนำให้แก่นักลงทุนพอหอมปากหอมคอ ส่วนกองที่ปิดไปแล้วหรือมีการตกหล่นทางทีมงานคงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะตามธรรมชาติแล้วกองประเภทอย่างที่ทราบกันดีจะมีลักษณะเป็นกองปิด(เต็มแล้วถึงจะมีการพิจารณาเปิดขายกองใหม่ หรือต้องรอรอบใหม่)

เริ่มกันด้วยกองทุนแรกที่เหลือเวลาไม่มากสำหรับกองทุนภายใต้การบริหารงานของ บลจ.กรุงไทย ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 3-9 ธันวาคม 2551 ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น3 (KTFIX3M3) และกองทุนรวมกรุงไทยธนทรัพย์ 6 เดือน 5 (KTSUP6M5)

ด้าน บลจ. บัวหลวง เองได้มีการออกกองทุนมาในเวลาใกล้เคี่ยงกัน ระหว่างวันที่ 4 – 15 ธันวาคม 2551 นี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 29/08 (B29/08)

หันมาดูนโยบายของกองทุนกันบ้าง สำหรับ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น3 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ประเภทตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณ 60% ลงทุนในเงินฝากของธนาคารเกียรตินาคิน 20% และธนาคารสินเอเซีย 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.30% ต่อปี หรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 2.70% ต่อปี

ส่วนกองทุนรวมกรุงไทยธนทรัพย์ 6 เดือน 5 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากธนาคารเกียรตินาคิน ตั๋วแลกเงินของบมจ.พฤกษา บมจ.น้ำตาลมิตรผล บมจ.บัตรกรุงไทย และบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ในสัดส่วนบริษัทละ20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.95 %ต่อปี หรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 3.47% ต่อปี

ขณะที่ กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 29/08เป็นกองทุนประเภทในซีรีย์ของกองทุนธนรัฐ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในเมืองไทย มีอายุโครงการ 4-6 เดือน เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยกองทุนกำหนดการลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

น่าจะทราบกันดีแล้วสำหรับกองประเภทนี้ เพราะเป็นการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และมักจะฐานลูกค้าเดี่ยวกันกับลูกค้าเงินฝากธนาคาร

ที่น่าสนใจรองมาฟังความเห็นกันว่า เหตุใดช่วงเวลานี้กองทุนประเภทนี้ถึงเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากที่สุด

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บอกกับเราว่า ผลจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้สถาบันการเงินและภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง มากขึ้น บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนดังกล่าว ที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคง และอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป และการลงทุนในกองทุนจะไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย15%

นอกจากนี้ นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด บอกอีกด้วยว่า จากสถานการณ์ของตลาดต่างประเทศที่ผันผวน ทำให้บริษัทมีการชะลอออกกองทุนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนในซีรีส์ธนรัฐเพิ่มขึ้นอีก 1 – 2 กองทุน เพื่อมาชดเชยในกองทุนที่มีกำหนดครบอายุลงไป และเพื่อมารองรับความต้องการของนักลงทุนที่ยังต้องการความเสี่ยงต่ำอีกด้วย

สรุปแล้วคงจะต้องถามใจตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน หากต้องการความั่นคงช่วงเวลานี้คงจะเหมาะกับกองตราสารหนี้ภายในประเทศ แต่ถ้าใครที่รับความเสี่ยงไดสูงแล้วละก็ ดัชนีตลาดหุ้นในปัจจุบันถือเป็นเรื่องท้าทายที่น่าสนใจเลยทีเดียว ซึ่งหากมีกองทุนไหนที่เข้าตาทีมงานแล้วคงจะนำเสนอในได้รับทราบกันอีกในครั้งต่อไปแน่นอน

กำลังโหลดความคิดเห็น