บลจ. บีที เผยหลังกองทุน FIF โกลด์ ลิงค์ ฟัน 3 เตรียมครบกำหนดวันที่ 18 ธันวาคม นี้ ให้ผลตอบแทนนักลงทุนหลังปิดกองทุน5 -6.5% ต่อปี ระบุพร้อมเปิดกองทุนบีที SET 50 Index Link 1 ทดแทนช่วงปลายเดือนนี้ มีนโยบายลงทุนในธนาคารพาณิชย์ไทย และพันธบัตรรัฐบาล ที่มีความปลอดภัยสูง
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ กองทุนรวมบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟัน 3 (BT FIF Gold Linked Fund 3 หรือ BT-FIF-GLF 3) จะครบกำหนดกองทุนในวันที่ 18 ธันวาคม 2551 นี้ บริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนบีที SET 50 Index Link 1 เพื่อมาทดแทนกองทุนดังกล่าวที่กำลังจะครบกำหนด
ทั้งนี้กองทุนบีที SET 50 Index Link 1 จะเข้าไปลงทุนในตราสารของธนาคารพาณิชย์ไทย และพันธบัตรรัฐบาล ที่มีความปลอดภัยสูง และกำหนดเงื่อนไขให้ผลตอบแทน เป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้นไทย โดยผลตอบแทนจะไม่ติดลบแม้ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง และคาดว่ากองทุนบีที SET 50 Index Link 1 จะสามารถเสนอขายได้ ราวปลายเดือนธันวาคม นี้
“เราเห็นว่าปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าลงทุน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ก่อนหน้านี้ ได้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์และจังหวะที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้มองข้ามความเสี่ยง จึงสร้างรูปแบบกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในภาวะที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และสามารถปิดความสี่ยงของเงินต้นในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง” นายอนุสรณ์ กล่าว
สำหรับกองทุนรวม บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 3 ปัจจุบันมีเอ็นเอวีอยู่ที่ประมาณ เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุประมาณ 1 ปี ให้ผลตอบแทนอิงกับราคาทองคำ ในสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ โดยได้มีการทำป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแล้วเกือบทั้งหมด และคาดว่าผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับเมื่อปิดกองทุน จะอยู่ที่ประมาณ 5 - 6.5% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จสำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
ขณะเดียวกันผลตอบแทน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.52% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.81% ย้อนหลัง 3 เดือน -0.83% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -2.75% ย้อนหลัง 6 เดือน -1.43% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -7.50% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 1.34% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.14%
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ (101 Storage Property Fund หรือ STOR) ที่ได้เปิดขายไปแล้วเมื่อวันที่ 20 - 28 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้กองทุนดังกล่าวได้ทำการขยายเปิดขายกองทุนเพิ่มออกไปอีกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่ สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทย โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 7 ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ กองทุนรวมบีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟัน 3 (BT FIF Gold Linked Fund 3 หรือ BT-FIF-GLF 3) จะครบกำหนดกองทุนในวันที่ 18 ธันวาคม 2551 นี้ บริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนบีที SET 50 Index Link 1 เพื่อมาทดแทนกองทุนดังกล่าวที่กำลังจะครบกำหนด
ทั้งนี้กองทุนบีที SET 50 Index Link 1 จะเข้าไปลงทุนในตราสารของธนาคารพาณิชย์ไทย และพันธบัตรรัฐบาล ที่มีความปลอดภัยสูง และกำหนดเงื่อนไขให้ผลตอบแทน เป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้นไทย โดยผลตอบแทนจะไม่ติดลบแม้ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง และคาดว่ากองทุนบีที SET 50 Index Link 1 จะสามารถเสนอขายได้ ราวปลายเดือนธันวาคม นี้
“เราเห็นว่าปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าลงทุน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ก่อนหน้านี้ ได้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์และจังหวะที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้มองข้ามความเสี่ยง จึงสร้างรูปแบบกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในภาวะที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และสามารถปิดความสี่ยงของเงินต้นในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง” นายอนุสรณ์ กล่าว
สำหรับกองทุนรวม บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 3 ปัจจุบันมีเอ็นเอวีอยู่ที่ประมาณ เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุประมาณ 1 ปี ให้ผลตอบแทนอิงกับราคาทองคำ ในสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ โดยได้มีการทำป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแล้วเกือบทั้งหมด และคาดว่าผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับเมื่อปิดกองทุน จะอยู่ที่ประมาณ 5 - 6.5% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จสำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
ขณะเดียวกันผลตอบแทน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.52% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.81% ย้อนหลัง 3 เดือน -0.83% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -2.75% ย้อนหลัง 6 เดือน -1.43% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -7.50% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 1.34% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.14%
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ (101 Storage Property Fund หรือ STOR) ที่ได้เปิดขายไปแล้วเมื่อวันที่ 20 - 28 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้กองทุนดังกล่าวได้ทำการขยายเปิดขายกองทุนเพิ่มออกไปอีกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่ สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทย โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 7 ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
