บลจ.กรุงไทย เดินหน้าส่งกองทุนตราสารหนี้ลุยตลาดต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดขายกองทุน 3 เดือน 6 เดือน เสนอทางเลือกลงทุนความเสี่ยงต่ำในพันธบัตรรัฐบาล พร้อมคุ้มครองเงินต้น และหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี ไอพีโอพร้อมกันถึง 9 ธ.ค.นี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น3 (KTFIX3M3) และกองทุนรวมกรุงไทยธนทรัพย์ 6 เดือน 5 (KTSUP6M5) ในระหว่างวันที่ 3-9 ธันวาคม 2551
โดยกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น3 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ประเภทตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณ 60% ลงทุนในเงินฝากของธนาคารเกียรตินาคิน 20% และธนาคารสินเอเซีย 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.30% ต่อปี หรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 2.70% ต่อปี
ส่วนกองทุนรวมกรุงไทยธนทรัพย์ 6 เดือน 5 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากธนาคารเกียรตินาคิน ตั๋วแลกเงินของบมจ.พฤกษา บมจ.น้ำตาลมิตรผล บมจ.บัตรกรุงไทย และบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ในสัดส่วนบริษัทละ20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.95 %ต่อปี หรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 3.47% ต่อปี
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1.00 % มาอยู่ที่ 2.75 % ต่อปี เพราะตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมีการชะลอตัวมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน
ทั้งนี้ ผลจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้สถาบันการเงินและภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง มากขึ้น บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนดังกล่าว ที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคง และอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป และการลงทุนในกองทุนจะไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย15%
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีลงไป 1.00% จาก 3.75% มาอยู่ที่ 2.75%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น3 (KTFIX3M3) และกองทุนรวมกรุงไทยธนทรัพย์ 6 เดือน 5 (KTSUP6M5) ในระหว่างวันที่ 3-9 ธันวาคม 2551
โดยกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น3 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ประเภทตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณ 60% ลงทุนในเงินฝากของธนาคารเกียรตินาคิน 20% และธนาคารสินเอเซีย 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.30% ต่อปี หรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 2.70% ต่อปี
ส่วนกองทุนรวมกรุงไทยธนทรัพย์ 6 เดือน 5 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากธนาคารเกียรตินาคิน ตั๋วแลกเงินของบมจ.พฤกษา บมจ.น้ำตาลมิตรผล บมจ.บัตรกรุงไทย และบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ในสัดส่วนบริษัทละ20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.95 %ต่อปี หรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 3.47% ต่อปี
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1.00 % มาอยู่ที่ 2.75 % ต่อปี เพราะตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมีการชะลอตัวมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน
ทั้งนี้ ผลจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้สถาบันการเงินและภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง มากขึ้น บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนดังกล่าว ที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคง และอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป และการลงทุนในกองทุนจะไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย15%
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีลงไป 1.00% จาก 3.75% มาอยู่ที่ 2.75%