ธนชาติ ฟิกซ์อินคัม3 ประกาศซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 6 โดยจ่ายกำไรอัตรา 0.2475 บาทต่อหน่วย วันนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาติ จำกัด แจ้งว่า กองทุนเปิดธนชาติ ฟิกซ์อินคัม3 (NFIX-3) ได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ครั้งที่ 6 ประจำงวดวันที่ 25 เมษายน 2551 โดยกองทุนจะจ่ายผลกำไรในอัตรา 0.2475 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 30 เมษายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดธนชาติฟิกซ์อินคัม3 (NFIX-3) เป็นกองทุนประเภทกองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีอายุโครงการ 3 ปี ซึ่งกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลแต่กองทุนจะนำผลกำไรจากการดำเนินงานไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น โดยที่กองทุนจะประกาศรับซื้อคืนหน่วยลงทุนพร้อมทั้งจ่ายผลกำไรแก่ผู้ขายหน่วยลงทุนคืน ขณะที่ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ (Capital Gain) ที่ได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุนไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ส่วนนโยบายการลงทุนนั้น กองทุน NFIX-3 จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ และ/หรือตราสารทางการเงินต่าง ๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทนและตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร
ทั้งนี้ กองทุน NFIX-3 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้และพันธบัตร แบ่งออกเป็น การลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน 34.36% หุ้นกู้สถาบันการเงิน 22.89% และลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 3.48% โดยมีระดับความเสี่ยงจากการลงทุนในระดับ 4-5 ขณะที่ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน 5 อันดับแรกได้แก่ อันดับ 1. บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 22.89 % อันดับที่ 2. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 14.14 % อันดับ 3. บริษัท ซิกโก้ นิติบุคคลเฉพาะกิจ 1 จำกัด คิดเป็น 8.79 % อับดับที่ 4. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 6.50% และอับดับที่ได้แก่ 5. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 3.54 %
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานรายไตรมาสในปี 2550 ที่ผ่านมา กองทุน NFIX-3 มีผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 คิดเป็น 11.24% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 มีผลการดำเนินงาน คิดเป็น 6.48% ส่วน ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 3.78% และไตรมาสที่ 4 มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 2.94% โดยมีผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2550 คิดเป็น 6.24% สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2549 นั้นกองทุนมีผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 คิดเป็น 6.56% โดยในไตรมาสที่ 2 มีผลการดำเนินงาน คิดเป็น 4.09% ขณะที่ ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 7.71% และไตรมาสที่ 4 มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 5.66% ส่วนผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2549 คิดเป็น 6.14%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาติ จำกัด แจ้งว่า กองทุนเปิดธนชาติ ฟิกซ์อินคัม3 (NFIX-3) ได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ครั้งที่ 6 ประจำงวดวันที่ 25 เมษายน 2551 โดยกองทุนจะจ่ายผลกำไรในอัตรา 0.2475 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 30 เมษายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดธนชาติฟิกซ์อินคัม3 (NFIX-3) เป็นกองทุนประเภทกองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีอายุโครงการ 3 ปี ซึ่งกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลแต่กองทุนจะนำผลกำไรจากการดำเนินงานไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น โดยที่กองทุนจะประกาศรับซื้อคืนหน่วยลงทุนพร้อมทั้งจ่ายผลกำไรแก่ผู้ขายหน่วยลงทุนคืน ขณะที่ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ (Capital Gain) ที่ได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุนไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ส่วนนโยบายการลงทุนนั้น กองทุน NFIX-3 จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ และ/หรือตราสารทางการเงินต่าง ๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทนและตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร
ทั้งนี้ กองทุน NFIX-3 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้และพันธบัตร แบ่งออกเป็น การลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน 34.36% หุ้นกู้สถาบันการเงิน 22.89% และลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 3.48% โดยมีระดับความเสี่ยงจากการลงทุนในระดับ 4-5 ขณะที่ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน 5 อันดับแรกได้แก่ อันดับ 1. บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 22.89 % อันดับที่ 2. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 14.14 % อันดับ 3. บริษัท ซิกโก้ นิติบุคคลเฉพาะกิจ 1 จำกัด คิดเป็น 8.79 % อับดับที่ 4. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 6.50% และอับดับที่ได้แก่ 5. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 3.54 %
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานรายไตรมาสในปี 2550 ที่ผ่านมา กองทุน NFIX-3 มีผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 คิดเป็น 11.24% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 มีผลการดำเนินงาน คิดเป็น 6.48% ส่วน ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 3.78% และไตรมาสที่ 4 มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 2.94% โดยมีผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2550 คิดเป็น 6.24% สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2549 นั้นกองทุนมีผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 คิดเป็น 6.56% โดยในไตรมาสที่ 2 มีผลการดำเนินงาน คิดเป็น 4.09% ขณะที่ ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 7.71% และไตรมาสที่ 4 มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 5.66% ส่วนผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2549 คิดเป็น 6.14%