xs
xsm
sm
md
lg

ธนชาตจ่ายปันผลกองทุน TSARN อัตรา0.30บาท/หน่วย-วันที่31ม.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ธนชาต ประกาศจ่ายปันผล “ธนสาร” ในอัตราหน่วยละ 0.30 บาท ผู้ถือหน่วยเฮรับทรัพย์พร้อมกัน 31 มกราคม นี้


รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดธนสาร (TSARN) เปิดเผยว่าที่ประชุมมีมติพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนรวม ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 โดยให้จ่ายเงินปันผลประจำปีของกองทุนเปิดธนสาร สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 17 มกราคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.30 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 23 มกราคม 2551 ซึ่งกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในวันที่ 31 มกราคม 2551

ก่อนหน้านี้กองทุนธนสารได้ทำการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง และครั้งล่าสุดได้ทำการจ่ายเงินปันผลไปเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2550 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท และครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 8 ที่กองทุนดังกล่าวจะทำการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน

สำหรับกองทุนเปิดธนสาร ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 17 มกราคม 2551 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 5.01% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.81% ย้อนหลัง 6 เดือน 3.90% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 3.05% และย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.07% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.85% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมีจำนวน 929.25 ล้านบาท และมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.46 บาทต่อหน่วย

โดย สัดส่วนการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในประเภทหุ้นกู้และพันธบัตร ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 ประกอบด้วย พันบัตรรัฐวิสาหกิจ 53.10% หุ้นกู้ภาคเอกชน 15.56% พันธบัตรรัฐบาลที่ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง 14.41% หุ้นกู้สถาบันการเงิน 3.87% นอกจากนี้กองทุนยังจะกระจายการลงทุนไปยังเงินฝากและอื่น ๆ 13.06% พันธบัตรรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ 67.51% และหุ้นกู้ 19.43%

นอกจากนี้ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุน 5 อันดับแรก ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 ได้แก่ 1. ธนาคารแห่งประเทศไทย 53.10% 2. กระทรวงการคลัง 14.41% 3. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 4.54% 4. บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) 4.02% และ 5. บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 3.34%

ทั้งนี้ กองทุนเปิดธนสาร เข้าจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2544 ด้วยเงินทุนโครงการทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ และตราสารทางการเงินต่างๆของทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงจากการลงทุนที่ควรพิจารณาด้วยดังนี้ 1. Interest Risk / Market Risk 2. Credit Risk / Default Risk 3. Purchasing Power Risk 4. Reinvestment Risk 5. Rollover Risk 6. Call Risk 7.Prepayment Risk 8. Liquidity Risk และ 9. Event Risk
กำลังโหลดความคิดเห็น