xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯเชื่อมั่นศักยภาพเซ็นทรัล เลื่อนเพิ่มทุนCPNRFไม่กระทบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โบรกเกอร์ประเมิน "เซ็นทรัลพัฒนา"การเลื่อนขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท โดยในระยะสั้นราคาหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติและความเสี่ยงในเรื่องการต่อสัญญาที่เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่กการกู้เงินทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E Ratio) มีโอกาสสูงขึ้นอีก

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัดให้ความเห็นถึงบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN)โดยคาดว่า Q4/51 รายได้ยังเติบโตเนื่องจากการเปิดโครงการใหม่และการปรับค่าเช่าขึ้น ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 2552 คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่มากนัก เนื่องจากการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องของบริษัทจะช่วยชดเชยรายได้ของบริษัทที่อาจลดลงจากการยกเลิกสัญญาของผู้เช่าและการให้ส่วนลดค่าเช่าเพื่อช่วยเหลือผู้เช่า ซึ่งเดือน พ.ย. 2551 จะมีการเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ ส่วนปี 2552 จะเปิด 2 โครงการ แต่ในระยะสั้นราคาหุ้นยังมีความเสี่ยงจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากการถูกปรับออกจากการคำนวณดัชนี MSCI และยังมีความเสี่ยงในเรื่องการต่อสัญญาที่เซ็นทรัลลาดพร้าวซึ่งยังอยูในระหว่างการเจรจา

ทั้งนี้ คาดรายได้ในไตรมาส 4/51 ยังเติบโต โดยมีรายได้ 2,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 3% QoQ ทั้งปีคาดจะมีรายได้ 8,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY และมีกำไรสุทธิ 2,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% YoY ซึ่งรายได้ของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตจากการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในปี 2551 ได้เปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ และในปี 2552 พร้อมเปิดใหม่อีก 2 โครงการ

สำหรับ การเลื่อนขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทมากนัก โดยในระยะสั้นราคาหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติและความเสี่ยงในเรื่องการต่อสัญญาที่เซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมแนะนำซื้อโดยมีราคาเป้าหมาย 17.4 บาท (WACC 12%) โดยปรับลดเป้าหมายจากเดิม 20 บาท เนื่องจากเพิ่มในส่วน Risk Premium จาก 7.5% เป็น 8.5% ส่วนรายได้ยังคงประมาณการเดิม แม้ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจได้รับแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่เห็นว่าผลประกอบการของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตเนื่องจากการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงรายได้ของบริษัทที่มาจากค่าเช่าจึงทำให้มีความผันผวนน้อย

ส่วนในระยะสั้นราคาหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติและความเสี่ยงในเรื่องการต่อสัญญาที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เนื่องจาก CPN ถูกปรับออกจากการคำนวนของดัชนี MSCI ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในสัดส่วนที่สูงประมาณ 29% ดังนั้นในระยะสั้นราคาหุ้นจึงได้รับแรงกดดันจากการขายของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ส่วนการต่อสัญญาที่เซ็นทรัลลาดพร้าวก็ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาซึ่งคาดว่าจะน่าจะไม่ทันวันหมดอายุของสัญญาในเดือน ธ.ค. 2551 อย่างไรก็ตาม CPN ยังมีสิทธิในการเช่าได้ต่อเนื่องเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการเจรจาและหากได้รับการต่อสัญญาก็จะส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายในระยะแรกสูงแต่คาดว่าจะไม่กระทบมากนักเนื่องจากพื้นที่เช่าของเซ็นทรัลมีจำนวน 55,562 ตารางเมตร แต่พื้นที่ให้เช่ารวมในปัจจุบันมีประมาณ 759,719 ตารางเมตร และพื้นที่เช่ารวมก็จะเพิ่มขึ้นตามการเปิดโครงการใหม่ที่ต่อเนื่อง

ด้าน บล.โกลเบล็ก ให้ความเห็นถึง CPN ว่ามีความโดดเด่นในฐานะผู้นำธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตของยอดขายจากการพัฒนาศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดำเนินการศูนย์การค้าทั้งหมด 10 แห่งจะเพิ่มเป็น 11 แห่งวันนี้ที่เปิดสาขาแจ้งวัฒนะ ปี 52 จะเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง ราคาที่ปรับลงมากซื้อขายที่ PER ต่ำเพียง 8.6 เท่าและต่ำกว่าราคาเหมาะสมตามมูลค่าพื้นฐานที่ 25 บาทสำหรับปี 52 ยืนยันคำแนะนำ “ซื้อ”

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการเกิดวิกฤติการเงินโลกทำให้แผนการขายสาขาปิ่นเกล้าและเชียงใหม่เพื่อเพิ่มขนาดของกองทุนรวม CPNRF มีความจำเป็นต้องเลื่อนออกไปและบริษัทต้องจัดหาเงินทุนในการพัฒนาโครงการใหม่จากแหล่งเงินกู้ โดยบริษัทได้รับอนุมัติวงเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 4,000 ล้านบาทและจะเริ่มเบิกใช้ราว 4Q51 เพื่อนำไปคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและจ่ายเป็นค่าก่อสร้างโครงการที่กำลังพัฒนา ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E Ratio) มีโอกาสสูงขึ้นอีกในช่วงปลายปีซึ่งแสดงถึงฐานะการเงินที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจากอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะดีขึ้นในช่วงปลายปี 52 หลังเปิดดำเนินการศูนย์การค้าแห่งใหม่แล้ว

ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี DCF ซึ่งใช้ WACC 8.4% (เพิ่มขึ้นจาก 7.2%) ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 25 บาทสำหรับปี 52 ราคาปิดล่าสุดปรับลงมามากจากภาวะตลาดโดยรวมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกและการลดน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ทำให้นักลงทุนสถาบันปรับลดน้ำหนักการลงทุนส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ต่ำเพียง 8.6 เท่าสำหรับปี 52 เทียบกับระดับ PER สูงสุดในอดีตที่ระดับ 33 เท่าและต่ำกว่าราคาเหมาะสมตามมูลค่าพื้นฐาน เราจึงยืนยันคำแนะนำ “ซื้อ”
กำลังโหลดความคิดเห็น