xs
xsm
sm
md
lg

กองทุน"BRIC"ลดน้ำหนักหุ้นจีน แนะจับจังหวะปรับฐานทยอยลงทุนเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุน "BRIC" ค่ายพรีมาเวสท์ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นจีน หลังตลาดหุ้นผันผวนหนัก บวกกับความไม่มั่นใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ระบุรอจังหวะทุกอย่างคลี่คลาย ก่อนโยกกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง พร้อมย้ำ 4 ประเทศ ยังน่าลงทุน ด้านแอสเซทพลัสแจง สัดส่วนหุ้นจีนลดเป็นไปตามแวลูของตลาด ชี้คอมมอดิตี้ยังเป็นจุดเด่นดึงดูดใจ แนะถือโอกาสเอ็นเอวีปรับตัวเข้ามาลงทุนได้ ส่วนผลการดำเนิงานรอบ 4 เดือน "ไอเอ็นจี ไทย บริค 40" เจ็บน้อยสุด ด้วยผลตอบแทน -9.24%
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุน Allianz-dit BRIC Stars ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่กองทุนเปิดพรีมาเวสท์(ไทยแลนด์) บริค สตาร์ ฟันด์ กองทุนรวมต่างประเทศภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเข้าไปลงทุน ได้ปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดจีนลงจากสัดส่วนเดิมเพื่อไปลงทุนในตลาดอื่นในจำนวน 3 ประเทศที่เหลือ โดยปัจจัยหลักมาจากความผันผวนของตลาดหุ้นจีน รวมถึงผลกระทบจากความไม่มั่นใจจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ

ทั้งนี้ การปรับพอร์ตการลงทุนดังกล่าว เป็นการลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากกองทุนในต่างประเทศเองก็มีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนที่ชัดเจนไว้อยู่แล้ว และการปรับพอร์ตส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศนั้นๆ เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้เป็นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (อีเมอร์จิ้งมาร์เกต) ที่มีการลงทุนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการสับเปลี่ยนไปลงทุนในกลุ่มอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

"หลังจากที่วิเคราะห์แล้วว่าสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศจีน เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้นแล้ว ก็อาจจะเริ่มกลับมาให้น้ำหนักการลงทุนในระดับเดิมอีกครั้ง"นายเพิ่มพลกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงกลุ่มประเทศ BRIC ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีนแล้ว เรายังเชื่อมั่นว่าทั้ง 4 ประเทศยังน่าลงทุน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะปรับตัวลดลงไปค่อนข้างเยอะจากปัจจัยลบต่างๆ และมีผู้ลงทุนขายหน่วยลงทุนออกไปบ้าง แต่ปัจจุบันก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสดังกล่าวก็มีการซื้อเข้ามาด้วยเช่นกัน

สำหรับแผนออกกองทุนต่างประเทศของบลจ.พรีมาเวสท์หลังจากนี้ นายเพิ่มพลกล่าวว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณออกกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้รวมถึงนิวซีแลนด์ แต่คงต้องดูจังหวะตลาดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ยังมีแผนออกกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) เช่นกัน โดยจะเป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร แต่ยังต้องรอดูจังหวะการลงทุนอีกครั้งเช่นกัน
นางสาวสุทธินี สิมะกุลธร
ด้านนางสาวสุทธินี สิมะกุลธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า กองทุน Templeton BRIC Fund ซึ่งเป็นกองทุนแม่ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสบริค ยังไม่มีการปรับพอร์ตการลงทุนในจีนแต่อย่างใด แต่จากแวลูของตลาดหุ้นจีนที่ปรับลดลงมา 25% ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้สัดส่วนการลงทุนในจีนลดลงมาบ้างจากก่อนหน้านี้ที่ 35% มาอยู่ที่ระดับ 31% กว่าๆ ในปัจจุบัน ในขณะที่ตลาดบราซิลเอง ตลาดปรับลดลงมาเพียง 4.5% จึงทำให้เห็นว่าสัดส่วนในบราซิลเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ การลงทุนของ Templeton ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนเอง จะให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นรายบริษัทเป็นหลัก

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศ BRIC ยังคงเป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจ โดยมี 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย การค้าขายร่วมกัน การควบรวมกิจการในกลุ่มประเทศเอเชีย และการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ขณะเดียวกัน ยังได้อานิสงส์จากสินค้าคอมมอดิตี้ซึ่งเป็นความน่าสนใจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยการลงทุนของกองทุน Templeton BRIC Fund มีสัดส่วนการลงทุนในคอมมอดิตี้ถึง 50% ด้วยกัน ทั้งพลังงานรวมถึงสินค้าปลายน้ำ นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน และเทเลคอมด้วย

ส่วนปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้นในประเทศจีนในช่วงนี้ มองว่าเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด แต่อาจจะกระทบบ้างในช่วงสั้นจากภาวะการลงทุนโดยรวมปรับลดลงมาจากความไม่มั่นใจดังกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสบริค นางสาวสุทธินีกล่าวว่า ในช่วงเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่เงินไหลออกจากตลาดจีนค่อนข้างมาก ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ของกองทุนปรับลดลงไป โดยเคยปรับลดลงไปถึงระดับ 7 บาท แต่ในช่วงเดือนเมษายนเองก็มีเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาในประเทศจีนค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลให้เอ็นเอวีของกองทุนขยับขึ้นมาได้มาอยู่ที่ระดับ 9 บาทกว่าได้ในปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของตลาดจีนเองมีผลต่อการลงทุนในกลุ่มประเทศนี้พอสมควร
นายมาริษ ท่าราบ
ด้านนายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กองทุน SPDR S&P BRIC 40 ETF (BIK) ซึ่งเป็นกองทุนแม่ของกองทุนไอเอ็นจี ไทย บริค 40 นั้นยังไม่มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในแต่ละประเทศแต่อย่างใด โดยยังคงมีสัดส่วนการลงทุนเท่าเดิมประเทศละ 25% ซึ่งแนวโน้มการลงทุนในจีนเอง มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตสินค้าขั้นต้นก่อนจะส่งต่อไปประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ การลงทุนของกองทุนไอเอ็นจี ไทย บริค 40 เอง ในปัจจุบันก็จะเน้นลงทุนเต็มพอร์ตซะเป็นส่วนใหญ่

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนแรกของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มประเทศ BRIC ทั้ง 3 กองทุน ซึ่งรายงานโดยลิปเปอร์ ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา กองทุนไอเอ็นจี ไทย บริค 40 สามารถให้ผลตอบแทนสูงเป็นอันดับแรกอยู่ที่ -9.24% ตามมาด้วยกองทุนเปิดแอสเซทพลัสบริคที่ให้ผลตอบแทน -12.72 และกองทุนเปิดพรีมาเวสท์(ไทยแลนด์) บริค สตาร์ ฟันด์ ซึ่งให้ผลตอบแทน -16.79%
กำลังโหลดความคิดเห็น