“ควอลิตี้ เฮ้าส์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์” กำไรไตรมาส2/51 วูบเหลือ 150 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีสูงถึง 694 ล้านบาท ส่งผลกำไรครึ่งปีแรกเหลือไม่ถึง 300 ล้านบาท ล่าสุดประกาศจ่ายปันผล 0.188 บาท/หน่วยลงทุน ในวันที่ 1กันยายนนี้ โดยส่วนหนึ่ง ได้รับเงินประกันผลกำไรจาก “เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์” 2 ไตรมาสรวม 21.8 ล้านบาท
นางวสยาพรรณ ทวิชัย รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบัญชีกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) เปิดเผยว่า ในไตรมาส2/2551 กองทุนมีกำไรสุทธิจากผลดำเนินงานทั้งสิ้น 150.59 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันในไตรมาส2/2550 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 694.47 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ กำไรสุทธิงวดผลดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกปี2551 กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 299.40 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันในปี 2550 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 829.82 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กองทุนรวม QHPF เตรียมที่จะจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2551 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.188 บาท โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 1 กันยายน 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 สิงหาคม 2551 เวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ ข้อมูลจากงบการเงินของกองทุนรวมQHPF ที่นำเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบสิ่งที่น่าสนใจ นั่นคือรายได้จากการประกันผลกำไรสุทธิ โดยในปี 2549 กองทุนฯได้ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารรวมถึงระบบสาธารณูปโภคพร้อมทั้งส่วนควบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในโครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี โดยการเข้าทำสัญญาซื้อขายอาคารและโอนสิทธิการเช่าที่ดินกับบริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ทำให้ภายใต้สัญญาดังกล่าว บริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้เข้ารับประกันผลกำไรสุทธิของโครงการสำหรับรอบปีบัญชี 2550 ปี 2551 และปี 2552 ต่อกองทุนฯเป็นจำนวนเงิน 435 ล้านบาท 450 ล้านบาท และ 465 ล้านบาท ตามลำดับ
ดังนั้นในระหว่างงวด ผลกำไรสุทธิของโครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ต่ำกว่าผลกำไรสุทธิที่บริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้รับประกันไว้สำหรับรอบปีบัญชี 2551 (โดยเปรียบเทียบเป็นรายไตรมาส) กองทุนฯได้แจ้งขอรับการสนับสนุนการจ่ายเงินประกันกำไรสุทธิจากบริษัทดังกล่าวสำหรับไตรมาสที่หนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 12.5 ล้านบาท สำหรับไตรมาสที่สอง เป็นจำนวนเงิน 9.3 ล้านบาท และบริษัทดังกล่าวตกลงและยินยอมให้การสนับสนุนการจ่ายเงินรับประกันผลกำไรสุทธิดังกล่าวให้แก่กองทุนฯ ซึ่งกองทุนฯได้บันทึกรายการดังกล่าวเป็น “รายได้จากการประกันผลกำไรสุทธิ” ในงบกำไรขาดทุนสำหรับงวดปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ นางโชติมา โชติบัณฑิต ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า แผนการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่จะเอา คิวเฮ้าส์ เซ็นเตอร์พอยต์ มาเพิ่มนั้นอาจจะชะลอตัวออกไปเป็นปีหน้า เพระตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขเกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
อย่างไรก็ตามสำหรับสินทรัพย์ของ QHPF ลงทุนในขณะนี้ซึ่งประกอบไปด้วย คิวเฮ้าส์ เพลินจิต , คิวเฮ้าส์ ลุมพินี และเวฟเพลส เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพและตั้งอยู่ในบริเวณที่ดี โดยในส่วนของคิวเฮ้าส์ เพลินจิต และเวฟเพลส ปัจจุบันมีอัตราผู้เช่า 100% ในขณะที่ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี ก็มีอัตราผู้เช่าในระดับสูงเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าในปีหน้ากองทุนน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่สูงกว่าปีนี้ เนื่องมาจากอัตราค่าเช่าที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า บรรดานักวิเคราะห์หลายบริษัทต่างจัดทำบทวิเคราะห์ถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)(QH) ซึ่งคาดการณ์ถึงประมาณการรายได้ของบริษัทปี2551 ที่จะมีการเติบโตเพิ่ม แต่อย่างไรก็บรรดานักวิเคราะห์ กลับไม่เชื่อมั่นในเพิ่มทุน และขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) โดยหลายรายเชื่อว่าจะมีการชะลอ และเลื่อนแผนดังกล่าวออกไป
โดยบทวิเคราะห์ ของ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า สำหรับแผนการขายทรัพย์สินเข้า QHPF อาจมีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมฯ QHPF เพิ่มอีก 4 รายการได้แก่ อาคารสำนักงาน 1 แห่งและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 3 แห่งมูลค่ารวมราว 3,000 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นราว 4Q51-1Q52 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หากไม่สามารถได้ใบอนุญาตครบทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลง ขณะที่ต้องเสนอผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนในระดับสูง ประกอบกับการเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่งในปี 52-53 และการที่บริษัทสามารถระดมทุนได้จากหุ้นกู้ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทางการเงินต่ำกว่า ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนเพียงพอต่อการพัฒนาโครงการและไม่จำเป็นต้องขายทรัพย์สินเข้ากองทุนรวมอสังหาฯ QHPF
นางวสยาพรรณ ทวิชัย รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบัญชีกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) เปิดเผยว่า ในไตรมาส2/2551 กองทุนมีกำไรสุทธิจากผลดำเนินงานทั้งสิ้น 150.59 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันในไตรมาส2/2550 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 694.47 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ กำไรสุทธิงวดผลดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกปี2551 กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 299.40 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันในปี 2550 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 829.82 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กองทุนรวม QHPF เตรียมที่จะจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2551 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.188 บาท โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 1 กันยายน 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 สิงหาคม 2551 เวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ ข้อมูลจากงบการเงินของกองทุนรวมQHPF ที่นำเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบสิ่งที่น่าสนใจ นั่นคือรายได้จากการประกันผลกำไรสุทธิ โดยในปี 2549 กองทุนฯได้ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารรวมถึงระบบสาธารณูปโภคพร้อมทั้งส่วนควบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในโครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี โดยการเข้าทำสัญญาซื้อขายอาคารและโอนสิทธิการเช่าที่ดินกับบริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ทำให้ภายใต้สัญญาดังกล่าว บริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้เข้ารับประกันผลกำไรสุทธิของโครงการสำหรับรอบปีบัญชี 2550 ปี 2551 และปี 2552 ต่อกองทุนฯเป็นจำนวนเงิน 435 ล้านบาท 450 ล้านบาท และ 465 ล้านบาท ตามลำดับ
ดังนั้นในระหว่างงวด ผลกำไรสุทธิของโครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ต่ำกว่าผลกำไรสุทธิที่บริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้รับประกันไว้สำหรับรอบปีบัญชี 2551 (โดยเปรียบเทียบเป็นรายไตรมาส) กองทุนฯได้แจ้งขอรับการสนับสนุนการจ่ายเงินประกันกำไรสุทธิจากบริษัทดังกล่าวสำหรับไตรมาสที่หนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 12.5 ล้านบาท สำหรับไตรมาสที่สอง เป็นจำนวนเงิน 9.3 ล้านบาท และบริษัทดังกล่าวตกลงและยินยอมให้การสนับสนุนการจ่ายเงินรับประกันผลกำไรสุทธิดังกล่าวให้แก่กองทุนฯ ซึ่งกองทุนฯได้บันทึกรายการดังกล่าวเป็น “รายได้จากการประกันผลกำไรสุทธิ” ในงบกำไรขาดทุนสำหรับงวดปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ นางโชติมา โชติบัณฑิต ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า แผนการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่จะเอา คิวเฮ้าส์ เซ็นเตอร์พอยต์ มาเพิ่มนั้นอาจจะชะลอตัวออกไปเป็นปีหน้า เพระตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขเกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
อย่างไรก็ตามสำหรับสินทรัพย์ของ QHPF ลงทุนในขณะนี้ซึ่งประกอบไปด้วย คิวเฮ้าส์ เพลินจิต , คิวเฮ้าส์ ลุมพินี และเวฟเพลส เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพและตั้งอยู่ในบริเวณที่ดี โดยในส่วนของคิวเฮ้าส์ เพลินจิต และเวฟเพลส ปัจจุบันมีอัตราผู้เช่า 100% ในขณะที่ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี ก็มีอัตราผู้เช่าในระดับสูงเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าในปีหน้ากองทุนน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่สูงกว่าปีนี้ เนื่องมาจากอัตราค่าเช่าที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า บรรดานักวิเคราะห์หลายบริษัทต่างจัดทำบทวิเคราะห์ถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)(QH) ซึ่งคาดการณ์ถึงประมาณการรายได้ของบริษัทปี2551 ที่จะมีการเติบโตเพิ่ม แต่อย่างไรก็บรรดานักวิเคราะห์ กลับไม่เชื่อมั่นในเพิ่มทุน และขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) โดยหลายรายเชื่อว่าจะมีการชะลอ และเลื่อนแผนดังกล่าวออกไป
โดยบทวิเคราะห์ ของ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า สำหรับแผนการขายทรัพย์สินเข้า QHPF อาจมีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมฯ QHPF เพิ่มอีก 4 รายการได้แก่ อาคารสำนักงาน 1 แห่งและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 3 แห่งมูลค่ารวมราว 3,000 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นราว 4Q51-1Q52 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หากไม่สามารถได้ใบอนุญาตครบทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลง ขณะที่ต้องเสนอผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนในระดับสูง ประกอบกับการเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่งในปี 52-53 และการที่บริษัทสามารถระดมทุนได้จากหุ้นกู้ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทางการเงินต่ำกว่า ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนเพียงพอต่อการพัฒนาโครงการและไม่จำเป็นต้องขายทรัพย์สินเข้ากองทุนรวมอสังหาฯ QHPF