สำนักข่าวเกียวโต/ซินหัว - "โนมูระ" เตรียมเพิ่มทุนกว่าแสนล้านเยน หลังขาดทุนอ่วมจากวิกฤตการเงินสหรัฐ และการซื้อกิจการในตะวันออกกลางของเลห์แมน บราเธอร์ส ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นหวังฟื้นการเจรจา 6 ฝ่ายแก้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือโดยเร็ว พร้อมเตรียมต้อนรับการมายืนของ"วลาดิเมียร์ ปูติน" ในต้นปีหน้า
รายงานข่าวแจ้งว่า โนมูระ โฮลดิงส์ อิงค์ กำลังพิจารณาเพิ่มทุนกว่าแสนล้านเยนเพื่อเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น ท่ามกลางความอ่อนแอของตลาดการเงินโลก
โดยบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่นคาดว่าจะขาดทุนมหาศาลซึ่งเป็นผลพวงมาจากวิกฤตการเงินในสหรัฐ และจากการที่บริษัทตัดสินใจซื้อกิจการในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป แลตะวันออกกลางของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อดีตวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐที่ประสบภาวะล้มละลาย
ทั้งนี้มีรายงานว่า โนมูระรายงานผลขาดทุนสุทธิ 1.49 แสนล้านเยน ในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2551 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนม.ค.ปีหน้า ส่งผลให้บริษัทจำต้องเพิ่มทุนอีก หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มทุนราว 6 แสนล้านเยนในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการให้เงินกู้ยืมแบบด้อยสิทธิ์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอเนื่องจากวิกฤตสินเชื่อในตลาดการเงินและการดิ่งลงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นหวังให้การเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
"การเจรจา 6 ฝ่ายควรเริ่มขึ้นทันทีเมื่อสภาพการณ์ทุกอย่างพร้อม" นายคาสุโอะ โคดามะ โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวหลังการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)
อย่างไรก็ตามผู้แทนพิเศษของสหรัฐประจำการเจรจา 6 ฝ่าย มีกำหนดเดินทางเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า เพื่อกระตุ้นให้เกาหลีเหนือระงับโครงการนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโสะ ของญี่ปุ่น และ ประธานาธิบดีดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย เห็นพ้องต้องกันให้นายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงต้นปีหน้า หลังจากที่ทั้งสองได้พบปะพูดคุยกันนอกรอบหลังการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เปรู
โดยเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้นายปูตินเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงสิ้นปีนี้
ด้าน นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า สหรัฐกับรัสเซียได้ตกลงกันที่จะทำงานร่วมกันในทางที่ปฏิบัติได้ แม้ว่า ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในระหว่างการพบหารือครั้งล่าสุดนี้ ระหว่างประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช กับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ นอกที่ประชุมทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในย่านเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปคที่กรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู
นายลาฟรอฟ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า การทำงานร่วมกันในทางที่ปฏิบัติได้เป็นสิ่งสำคัญต่อประเทศทั้งสองและต่อโลกทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้นำของประเทศทั้งสองยังตกลงกันถึงความจำเป็นที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอิหร่านและจอร์เจียต่อไป หลังจากที่นายบารัค โอบามา เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ญี่ปุ่นกับรัสเซียตกลงกันที่จะดำเนินการในทางสร้างสรรเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางพรมแดนของประเทศทั้งสองและขอให้เกาหลีเหนือแสดงความชัดเจนเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของตนเองด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า โนมูระ โฮลดิงส์ อิงค์ กำลังพิจารณาเพิ่มทุนกว่าแสนล้านเยนเพื่อเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น ท่ามกลางความอ่อนแอของตลาดการเงินโลก
โดยบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่นคาดว่าจะขาดทุนมหาศาลซึ่งเป็นผลพวงมาจากวิกฤตการเงินในสหรัฐ และจากการที่บริษัทตัดสินใจซื้อกิจการในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป แลตะวันออกกลางของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อดีตวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐที่ประสบภาวะล้มละลาย
ทั้งนี้มีรายงานว่า โนมูระรายงานผลขาดทุนสุทธิ 1.49 แสนล้านเยน ในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2551 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนม.ค.ปีหน้า ส่งผลให้บริษัทจำต้องเพิ่มทุนอีก หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มทุนราว 6 แสนล้านเยนในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการให้เงินกู้ยืมแบบด้อยสิทธิ์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอเนื่องจากวิกฤตสินเชื่อในตลาดการเงินและการดิ่งลงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นหวังให้การเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
"การเจรจา 6 ฝ่ายควรเริ่มขึ้นทันทีเมื่อสภาพการณ์ทุกอย่างพร้อม" นายคาสุโอะ โคดามะ โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวหลังการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)
อย่างไรก็ตามผู้แทนพิเศษของสหรัฐประจำการเจรจา 6 ฝ่าย มีกำหนดเดินทางเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า เพื่อกระตุ้นให้เกาหลีเหนือระงับโครงการนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโสะ ของญี่ปุ่น และ ประธานาธิบดีดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย เห็นพ้องต้องกันให้นายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงต้นปีหน้า หลังจากที่ทั้งสองได้พบปะพูดคุยกันนอกรอบหลังการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เปรู
โดยเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้นายปูตินเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงสิ้นปีนี้
ด้าน นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า สหรัฐกับรัสเซียได้ตกลงกันที่จะทำงานร่วมกันในทางที่ปฏิบัติได้ แม้ว่า ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในระหว่างการพบหารือครั้งล่าสุดนี้ ระหว่างประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช กับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ นอกที่ประชุมทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในย่านเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปคที่กรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู
นายลาฟรอฟ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า การทำงานร่วมกันในทางที่ปฏิบัติได้เป็นสิ่งสำคัญต่อประเทศทั้งสองและต่อโลกทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้นำของประเทศทั้งสองยังตกลงกันถึงความจำเป็นที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอิหร่านและจอร์เจียต่อไป หลังจากที่นายบารัค โอบามา เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ญี่ปุ่นกับรัสเซียตกลงกันที่จะดำเนินการในทางสร้างสรรเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางพรมแดนของประเทศทั้งสองและขอให้เกาหลีเหนือแสดงความชัดเจนเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของตนเองด้วย
