เอเอฟพี – ผู้นำเอเปกปิดฉากประชุมสุดยอดที่กรุงลิมาในวันอาทิตย์ (23) ด้วยความหวังว่าวิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดของโลกนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ จะสิ้นสุดลงได้ภายใน 18 เดือน โดยผู้นำ 21 ชาติพร้อมกันใจให้คำมั่นที่จะ “ดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจัง” ในการรับมือกับวิกฤตการเงินโลก แม้ว่าจะที่ประชุมจะไม่ได้เสนอมาตรการทางปฏิบัติที่เฉพาะเจาะจงใดๆ ออกมาก็ตาม
นอกจากนั้น การปิดประชุมกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในครั้งนี้ยังเกิดปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นก็คือ คำแถลงว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นคำแถลงฉบับหนึ่งแยกต่างหากและถูกนำออกเผยแพร่ตั้งแต่การประชุมวันแรกในวันเสาร์(22) ได้ถูกแก้ไขปรับปรุงใหม่ให้มีเนื้อหาในแนวทางที่มองโลกแง่ดีมากขึ้น ในตอนกลางดึก ก่อนนำออกมาเผยแพร่ใหม่ในวันอาทิตย์
ข้อความที่เพิ่มเติมขึ้นมาในคำแถลงนี้ ระบุว่า “เราเชื่อมั่นว่าเราสามารถที่จะฝ่าฟันวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ภายในเวลา 18 เดือน”
ทั้งนี้ ผู้ที่เสนอให้เพิ่มข้อความเพื่อให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้นก็คือ ประธานาธิบดีอลัน การ์เซีย แห่งเปรู ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกคราวนี้ โดยเขาระบุว่า “เราได้ตกลงกันภายใต้คำแถลงฉบับนี้ว่าจะฝ่าวงจรวังวนแห่งความตื่นกลัวและความไม่มั่นใจออกไปให้ได้”
ทั้งนี้ การ์เซียยังบอกด้วยว่าผู้นำทั้งหมดจะต่อสู้กับวิกฤตครั้งนี้ไปให้ถึงที่สุด ในขณะที่ผู้นำทั้ง 21 ประเทศต่างสวมชุดคลุมขนสัตว์ “ปองโช” สีน้ำตาล ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองของชาวเปรู และถ่ายรูปร่วมกันตามธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องสวมเสื้อพื้นเมืองของประเทศที่เป็นเจ้าภาพการประชุมในวันปิดการประชุมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้เอเปกบางส่วนไม่เชื่อว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะยุติลงได้ภายในกลางปี 2010 อย่างเช่น สตีเฟน ฮาร์เปอร์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดาซึ่งกล่าวว่า “ผมคิดว่าออกจะเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ถึงระยะเวลาของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้” ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของประธานาธิบดีเฟลิเป คาลเดรอน แห่งเม็กซิโกที่กล่าวว่ากรอบเวลาในแถลงการณ์นี้เป็นเพียงการคาดหมายเท่านั้น
ส่วนแดน ไพรซ์ ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช สำหรับการประชุมสุดยอกเอเปกบอกว่า กรอบเวลา 18 เดือนนี้สะท้อนความคิดเห็นบางประการในภูมิภาคนี้
“ประธานาธิบดีบุชเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้จะเริ่มส่งผลให้เห็นได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” และเขายังกล่าวว่ามีท่าทีที่ “ชัดเจนอย่างมากทีเดียว” ในการประชุมเอเปกที่จะรื้อฟื้นการเจรจาขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ให้ทันกำหนดเส้นตายภายใน 1 ปี เพื่อที่จะหาทางแก้ไขข้อขัดแย้งสำคัญระหว่างประเทศรวยและประเทศยากจนด้วย
ด้านบุชก็ใช้โอกาสในการเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายในระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวปกป้องเรื่องการค้าเสรี พร้อมกับอำลาบรรดาผู้นำสูงสุดของประเทศต่างๆ ด้วย
บุชยังได้พูดคุยกับผู้นำของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เกี่ยวกับการผลักดันข้อตกลงยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่เขาหวังว่าการดำเนินนโยบายทางการทูตจะประสบความสำเร็จได้ในนาทีสุดท้าย ขณะที่คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกว่าการเจรจาของกลุ่ม 6 ประเทศในเรื่องข้อตกลงยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะมีขึ้นที่จีนในวันที่ 8 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ บุชยังได้รับคำชื่นชมจากประธานาธิบดีหูจินเทาของจีน และนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะแห่งญี่ปุ่นด้วย ทว่า การร่ำลาระหว่างบุชกับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟแห่งรัสเซียนั้นออกจะตึงเครียดอยู่บ้าง ตามสภาพความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในระยะหลัง โดยเฉพาะหลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกจอร์เจียเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และสหรัฐฯ ก็มีแผนติดตั้งระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธในหลายประเทศที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต รวมทั้งในโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กด้วย
นอกจากนั้น การปิดประชุมกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในครั้งนี้ยังเกิดปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นก็คือ คำแถลงว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นคำแถลงฉบับหนึ่งแยกต่างหากและถูกนำออกเผยแพร่ตั้งแต่การประชุมวันแรกในวันเสาร์(22) ได้ถูกแก้ไขปรับปรุงใหม่ให้มีเนื้อหาในแนวทางที่มองโลกแง่ดีมากขึ้น ในตอนกลางดึก ก่อนนำออกมาเผยแพร่ใหม่ในวันอาทิตย์
ข้อความที่เพิ่มเติมขึ้นมาในคำแถลงนี้ ระบุว่า “เราเชื่อมั่นว่าเราสามารถที่จะฝ่าฟันวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ภายในเวลา 18 เดือน”
ทั้งนี้ ผู้ที่เสนอให้เพิ่มข้อความเพื่อให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้นก็คือ ประธานาธิบดีอลัน การ์เซีย แห่งเปรู ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกคราวนี้ โดยเขาระบุว่า “เราได้ตกลงกันภายใต้คำแถลงฉบับนี้ว่าจะฝ่าวงจรวังวนแห่งความตื่นกลัวและความไม่มั่นใจออกไปให้ได้”
ทั้งนี้ การ์เซียยังบอกด้วยว่าผู้นำทั้งหมดจะต่อสู้กับวิกฤตครั้งนี้ไปให้ถึงที่สุด ในขณะที่ผู้นำทั้ง 21 ประเทศต่างสวมชุดคลุมขนสัตว์ “ปองโช” สีน้ำตาล ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองของชาวเปรู และถ่ายรูปร่วมกันตามธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องสวมเสื้อพื้นเมืองของประเทศที่เป็นเจ้าภาพการประชุมในวันปิดการประชุมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้เอเปกบางส่วนไม่เชื่อว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะยุติลงได้ภายในกลางปี 2010 อย่างเช่น สตีเฟน ฮาร์เปอร์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดาซึ่งกล่าวว่า “ผมคิดว่าออกจะเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ถึงระยะเวลาของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้” ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของประธานาธิบดีเฟลิเป คาลเดรอน แห่งเม็กซิโกที่กล่าวว่ากรอบเวลาในแถลงการณ์นี้เป็นเพียงการคาดหมายเท่านั้น
ส่วนแดน ไพรซ์ ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช สำหรับการประชุมสุดยอกเอเปกบอกว่า กรอบเวลา 18 เดือนนี้สะท้อนความคิดเห็นบางประการในภูมิภาคนี้
“ประธานาธิบดีบุชเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้จะเริ่มส่งผลให้เห็นได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” และเขายังกล่าวว่ามีท่าทีที่ “ชัดเจนอย่างมากทีเดียว” ในการประชุมเอเปกที่จะรื้อฟื้นการเจรจาขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ให้ทันกำหนดเส้นตายภายใน 1 ปี เพื่อที่จะหาทางแก้ไขข้อขัดแย้งสำคัญระหว่างประเทศรวยและประเทศยากจนด้วย
ด้านบุชก็ใช้โอกาสในการเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายในระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวปกป้องเรื่องการค้าเสรี พร้อมกับอำลาบรรดาผู้นำสูงสุดของประเทศต่างๆ ด้วย
บุชยังได้พูดคุยกับผู้นำของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เกี่ยวกับการผลักดันข้อตกลงยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่เขาหวังว่าการดำเนินนโยบายทางการทูตจะประสบความสำเร็จได้ในนาทีสุดท้าย ขณะที่คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกว่าการเจรจาของกลุ่ม 6 ประเทศในเรื่องข้อตกลงยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะมีขึ้นที่จีนในวันที่ 8 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ บุชยังได้รับคำชื่นชมจากประธานาธิบดีหูจินเทาของจีน และนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะแห่งญี่ปุ่นด้วย ทว่า การร่ำลาระหว่างบุชกับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟแห่งรัสเซียนั้นออกจะตึงเครียดอยู่บ้าง ตามสภาพความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในระยะหลัง โดยเฉพาะหลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกจอร์เจียเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และสหรัฐฯ ก็มีแผนติดตั้งระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธในหลายประเทศที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต รวมทั้งในโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กด้วย
