บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (19 พ.ย.) ปิดตลาดดัชนีปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 408.51 จุด ลดลง 11.46 จุด หรือ -2.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8,500.88 ล้านบาท...โดยการซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นหลัก โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 421.35 จุด และดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 408.51 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.19พันล้านบาท
อภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ สถาบันวิจัย บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยปรับฐานใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดยุโรปที่ต่างก็ปรับตัวลง โดยมีปัจจัยลบหลักมาจากเรื่องเศรษฐกิจถดถอย...และคาดว่าตลาดฯยังคงรับแรงขายจากต่างชาติอยู่ เพราะสังเกตุเห็นแรงขายออกไปทางหุ้นบลูชิพ โดยแรงขายหลักจะไปทางหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 พ.ย.) "อภิศักดิ์" คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากวิกฤตการเงินเริ่มที่จะลุกลามเข้ามาในแถบเอเชียแล้ว อีกทั้งคาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศน่าจะยังปรับตัวลง โดยวันนี้มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะไหลลงมาแตะแนวรับที่ 400 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 415 จุด ส่วนบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก...ตลาดหุ้นเอเชีย ก็ร่วงระนาว เพราะมีความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอยซึมนาน...หลังจากซิตี้ กรุ๊ป สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศ ปรับลดพนักงาน 50,000 ตำแหน่งทั่วโลก หลังเผชิญวิกฤติการเงิน จนผลประกอบการขาดทุนยับ 4 ไตรมาสติดต่อกัน แต่เรื่องนี้ ยังได้รับการยืนยันว่าจะยังคงปักหลักทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกต่อไป และรับ พนักงานใหม่เพิ่มด้วย
นอกจากนี้ บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ฝากฝั่งแอตแลนติก ทั้งโอเปิลของเยอรมนี และบิ๊กทรีของสหรัฐ คือฟอร์ด จีเอ็ม และไครสเลอร์ ต่างประสบปัญหาด้านการเงิน และกำลังดิ้นขอความช่วยเหลือจากรัฐ
โดยตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลง นำโดยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีน ร่วงลงร้อยละ 6.3 ตลาดหุ้นฮ่องกง ดิ่งลงร้อยละ 6.0 เกาหลีใต้ลดลงร้อยละ 3.9 ส่วนในซิดนีย์ลดลงร้อยละ 3.6 และในญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2.3
ผลกระทบวิกฤตการเงินยังไม่จบ...ล่าสุด จีอี แคปิตอล ซึ่งเป็นธุรกิจปล่อยกู้ของบริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก โค ก็มีแผนปรับลดพนักงานและขายสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจปล่อยกู้จำนองในปีหน้า เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ไมเคิล นีล รองประธานของจีอี แคปิตอลซึ่งมีหน้าที่ดูแลกิจการในต่างประเทศ กล่าวว่า บริษัทจะปรับลดพนักงานในฝ่ายสนับสนุนจำนวน 75,000 ตำแหน่ง และลดขนาดธุรกิจปล่อยเงินกู้จำนองบ้าน โดยการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้เขาให้เหตุผลว่า ในยามที่เรามองว่าสภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องทำการปรับลดสัดส่วนการให้บริการในธุรกิจที่จะทำให้เกิดหนี้สินมากกว่ารายได้
เก็บตกงานแถลงข่าวกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ ของ บลจ.เอ็มเอฟซี เมื่อวานก่อน (18พ.ย.)...ซึ่งงานนี้ เป็นการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนในบริษัท เซลเลนเนียม (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งผลิตพลังงานทดแทนด้วยเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow หรือระบบเทคโนโลยีเซลเชื้อเพลิงแวนเนเดียม...ซึ่งพลังงานนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก รวมถึงกระจอกข่างสายการลงทุนด้วย...ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกระจอกข่าวก็เลยยิงคำถาม...ถาม "อาจารย์พิชิต อัคราทิตย์" ว่า "แวนเนเดียม" คืออะไร...ที่แรกอาจารย์ก็อธิบายได้อยู่หรอก แต่เพื่อความชัวร์เลยเรียกเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่งมาช่วยไขความกระจ่าง...แต่ด้วยความที่ถูกนักข่าวถามมาตลอด งานนี้อาจารย์เลยขอสวมวิญญาณ "นักข่าว" ดูบ้าง ด้วยการยิงคำถามชนิดคนตอบตามไม่ทันทีเดียว...ต้นกล้า
อภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ สถาบันวิจัย บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยปรับฐานใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดยุโรปที่ต่างก็ปรับตัวลง โดยมีปัจจัยลบหลักมาจากเรื่องเศรษฐกิจถดถอย...และคาดว่าตลาดฯยังคงรับแรงขายจากต่างชาติอยู่ เพราะสังเกตุเห็นแรงขายออกไปทางหุ้นบลูชิพ โดยแรงขายหลักจะไปทางหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 พ.ย.) "อภิศักดิ์" คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากวิกฤตการเงินเริ่มที่จะลุกลามเข้ามาในแถบเอเชียแล้ว อีกทั้งคาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศน่าจะยังปรับตัวลง โดยวันนี้มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะไหลลงมาแตะแนวรับที่ 400 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 415 จุด ส่วนบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก...ตลาดหุ้นเอเชีย ก็ร่วงระนาว เพราะมีความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอยซึมนาน...หลังจากซิตี้ กรุ๊ป สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศ ปรับลดพนักงาน 50,000 ตำแหน่งทั่วโลก หลังเผชิญวิกฤติการเงิน จนผลประกอบการขาดทุนยับ 4 ไตรมาสติดต่อกัน แต่เรื่องนี้ ยังได้รับการยืนยันว่าจะยังคงปักหลักทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกต่อไป และรับ พนักงานใหม่เพิ่มด้วย
นอกจากนี้ บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ฝากฝั่งแอตแลนติก ทั้งโอเปิลของเยอรมนี และบิ๊กทรีของสหรัฐ คือฟอร์ด จีเอ็ม และไครสเลอร์ ต่างประสบปัญหาด้านการเงิน และกำลังดิ้นขอความช่วยเหลือจากรัฐ
โดยตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลง นำโดยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีน ร่วงลงร้อยละ 6.3 ตลาดหุ้นฮ่องกง ดิ่งลงร้อยละ 6.0 เกาหลีใต้ลดลงร้อยละ 3.9 ส่วนในซิดนีย์ลดลงร้อยละ 3.6 และในญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2.3
ผลกระทบวิกฤตการเงินยังไม่จบ...ล่าสุด จีอี แคปิตอล ซึ่งเป็นธุรกิจปล่อยกู้ของบริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก โค ก็มีแผนปรับลดพนักงานและขายสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจปล่อยกู้จำนองในปีหน้า เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ไมเคิล นีล รองประธานของจีอี แคปิตอลซึ่งมีหน้าที่ดูแลกิจการในต่างประเทศ กล่าวว่า บริษัทจะปรับลดพนักงานในฝ่ายสนับสนุนจำนวน 75,000 ตำแหน่ง และลดขนาดธุรกิจปล่อยเงินกู้จำนองบ้าน โดยการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้เขาให้เหตุผลว่า ในยามที่เรามองว่าสภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องทำการปรับลดสัดส่วนการให้บริการในธุรกิจที่จะทำให้เกิดหนี้สินมากกว่ารายได้
เก็บตกงานแถลงข่าวกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ ของ บลจ.เอ็มเอฟซี เมื่อวานก่อน (18พ.ย.)...ซึ่งงานนี้ เป็นการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนในบริษัท เซลเลนเนียม (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งผลิตพลังงานทดแทนด้วยเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow หรือระบบเทคโนโลยีเซลเชื้อเพลิงแวนเนเดียม...ซึ่งพลังงานนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก รวมถึงกระจอกข่างสายการลงทุนด้วย...ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกระจอกข่าวก็เลยยิงคำถาม...ถาม "อาจารย์พิชิต อัคราทิตย์" ว่า "แวนเนเดียม" คืออะไร...ที่แรกอาจารย์ก็อธิบายได้อยู่หรอก แต่เพื่อความชัวร์เลยเรียกเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่งมาช่วยไขความกระจ่าง...แต่ด้วยความที่ถูกนักข่าวถามมาตลอด งานนี้อาจารย์เลยขอสวมวิญญาณ "นักข่าว" ดูบ้าง ด้วยการยิงคำถามชนิดคนตอบตามไม่ทันทีเดียว...ต้นกล้า
