xs
xsm
sm
md
lg

“นครหลวง” ยันเรตติ้ง TSFC ยังเจ๋ง สภาพคล่องสูง-ยังสามารถลงทุนได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.นครหลวงไทยยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของ TSFC ยังคงอยู่ระดับที่สามารถลงทุนได้ และมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการชำระหนี้ที่จะทยอยครบกำหนด ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ TSFC รวม62.17% ถือโดยหน่วยงานภาครัฐ พร้อมระบุมีเพียง 4 กองทุนถือไปลงทุนใน TSFC มูลค่ารวมกัน 243.26 ล้านบาท จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,388.17 ล้านบาท

รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด ประกาศยืนยันว่าการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit rating) ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ซึ่งตามที่บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating) ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) ลง 4 อันดับ จาก “A” เป็น “BBB-” แต่ยังคงอยู่ในกลุ่ม investment grade โดยให้เหตุผลว่าเงินกองทุนของ TSFC เมื่อคำนวณมูลค่าตามราคาตลาดเสื่อมค่าลง เนื่องจากบริษัทขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และมีการกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้ margin loan นั้น

ทั้งนี้ บริษัทขอเรียนว่าสมาคมบริษัทจัดการลงทุนได้ร่วมพิจารณากับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทุกบริษัทเพื่อพิจารณาผลกระทบจากการที่กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ได้ลงทุนไว้ในตราสารหนี้ของ TSFC ได้ข้อสรุปตรงกันว่า อันดับความน่าเชื่อถือของ TSFC ยังคงอยู่ระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และ TSFC ได้มีการเตรียมสภาพคล่องเพียงพอไว้สำหรับชำระหนี้ที่ทยอยครบกำหนดแล้ว ซึ่งพิจารณาได้จากเงินลงทุนของ TSFC ที่มีการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง อาทิ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 12,600 ล้านบาท จึงประเมินได้ว่ามีสภาพคล่องเพียงพอต่อการชำระหนี้ที่จะทยอยครบกำหนด

นอกจากนี้ การจัดตั้งของ TSFC ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินอื่นๆ และเมื่อ TSFC ทำการเพิ่มทุนได้แล้วสถานการณ์ก็น่าจะกลับมาสู่สภาวะปกติ อันดับเครดิตของบริษัทน่าจะได้รับการปรับขึ้นเพราะฐานเงินทุนจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สมาคมเชื่อมั่นว่า TSFC จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะเป็นองค์กรที่จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในอัตราสูงมาโดยตลอด

โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ TSFC นั้นถือโดยหน่วยงานภาครัฐประมาณ 62.17% โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10.73% ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 5.00% กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 28.69% ธนาคารไทยธนาคาร 6.63% ธนาคารกรุงไทย 6.13% ธนาคารออมสิน 5.00% ธนาคารนครหลวงไทย 2.25% ธนาคารทหารไทย 6.73% ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 10.86% และบริษัทเงินทุน 2 แห่งและบริษัทหลักทรัพย์ 19 แห่งถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17.99% ซึ่งบริษัทหวังว่าท่านผู้ถือหน่วยลงทุนจะคลายความกังวลในเรื่องดังกล่าว

สำหรับกองทุนภายใต้การจัดการของบลจ.นครหลวงไทย จำกัดที่ลงทุนในตราสารที่ออกโดย TSFC นั้น มีดังต่อไปนี้ 1. กองทุนเปิดแมกซ์ตราสารหนี้3/1 (MAX FIX IN3/1) มีจำนวนเงินที่ไปลงทุนใน TSFC ประมาณ 49.05 ล้านบาท และ Total Nav ณ. วันที่ 7/11/51 ประมาณ 225.31 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.75% โดยครบกำหนดวันไถ่ถอนในวันที่ 1 เมษายน 2552

2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์ โกรท (SCI FG)มีจำนวนเงินที่ไปลงทุนใน TSFC ประมาณ 70.85 ล้านบาท และ Total Nav ณ. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ประมาณ 526.59 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.45% โดยครบกำหนดวันไถ่ถอนในวันที่ 9 มีนาคม 2552

3. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม บีดี 6M1/08 (SCI FTBD6M1/08) มีจำนวนเงินที่ไปลงทุนใน TSFC ประมาณ 93.79 ล้านบาท และ Total Nav ณ. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ประมาณ 392.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 23.89% โดยครบกำหนดวันไถ่ถอนในวันที่ 29 เมษายน 2552 และ 4. กองทุนเปิดแมกซ์บาลานซ์ (MAX BL) มีจำนวนเงินที่ไปลงทุนใน TSFC ประมาณ 29.57 ล้านบาท และ Total Nav ณ. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ประมาณ 243.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.14% โดยครบกำหนดวันไถ่ถอนในวันที่ 25 กุมภาพันธ์2552
กำลังโหลดความคิดเห็น