"กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์" กำไรไตรมาส 3 พุ่งถึง 140.921 ล้านบาท เตรียมปันผล 0.183 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกัน 20 พ.ย. นี้ ขณะที่"กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน" กำไรไตรมาส 3 สวยเช่นกัน เก็บกำไรเข้ากองทุนเเล้ว 141.063 ล้านบาท
นายศักดา มาณวพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) จะทำการจ่ายเงินปันผลของกองทุนดังกล่าวจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.183 บาท โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 3 ธันวาคม 2551เเละจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 นี้
นอกจากนี้ บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ เปิดถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 3 กันยายน 2551 ว่า กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140.921 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.18 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 12.966 ล้านบาทจากงวดเดียวกันในปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 กรกฏาคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 132.955 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.17 บาทต่อหุ้น
ขณะผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ณ วันที่ 1 มกราคม -30 กันยายน 2551 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 445.328 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 บาทต่อหุ้น ลดลงกว่า 517.447 ล้านบาท ในรอบ 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 962.775 ล้านบาท เเละคิดเป็นผลกำไรสุทธิที่ 1.21 บาทต่อหุ้น
สำหรับกองทุนQHPF มีนโยบายลงทุนในทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกโดยการซื้อ เช่า และ/หรือรับโอนสิทธิการเช่าในทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรก ดังนี้1. โครงการคิวเฮ้าส์ เพลินจิต 2. โครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี 3. โครงการเวฟ เพลส บริษัทจัดการจะดำเนินการให้กองทุนรวมเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกในรูปแบบการซื้อ เช่า และ/หรือการรับโอนสิทธิการเช่าจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกมีรายละเอียด เงื่อนไขและข้อตกลง โครงการทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกเป็นหนึ่งในโครงการอาคารสำนักงานชั้นนำของกรุงเทพมหานคร ทั้ง 3 โครงการอยู่ภายใต้การบริหารอาคารสำนักงานโดยบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ “คิวเฮ้าส์” หรือ “Q. House” (ยกเว้นโครงการเวฟ เพลส ไม่ได้ใช้แบรนด์ “คิวเฮ้าส์” หรือ “Q. House”) โดยอาคารสำนักงานแต่ละแห่งตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจและมีการคมนาคมที่สะดวก อาทิ ระบบคมนาคมสาธารณะ รวมถึงรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) และ/หรือรถไฟฟ้ามหานคร (MRT)รถแท็กซี่ และรถประจำทาง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิทั้งสิ้น 103,983 ตารางเมตรในระยะเวลา 12 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
TFUNDกำไรQ3กว่า141ล้าน
ก่อหน้านี้ นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 141.063 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2497 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 56.29 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิ อยู่ที่ 84.773 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ณ วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 526.475 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 290.248 ล้านบาท ในรอบ 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2550 โดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 236.227 ล้านบาท เเละคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.6217 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ การดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 นั้นกองทุนมีรายได้รวม 436 ล้านบาทการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 526 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรายได้รวม 288 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 236 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น51% และ 123 % ตามลำดับนั้น มาจากรายได้ค่าเช่าและบริการ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.96 %เนื่องจาก กองทุนได้มีการเพิ่มทุนเพื่อซื้อที่ดินและอาคารโรงงานในระหว่างงวดเพิ่มขึ้น 46 โรงงานเป็น 130 โรงงาน
โดยกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท จากในระหว่างงวด กองทุนได้ขายอาคารโรงงานจำนวน 2 โรงงาน ขณะที่กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158 ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวดกองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินอิสระประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีพิจารณาจากรายได้ (Income approach) ซึ่งกองทุนได้ปรับมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหม่เป็น 6,055 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บลจ. บัวหลวงในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวม TFUND ได้ทำการเพิ่มทุนของกองทุน เมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 5,770.25 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหน่วยซึ่งบริษัทได้เห็นสมควรกำหนดให้มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 237 ล้านหน่วย ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10.25 บาท และจัดสรรหน่วยลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 59.60 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ หรือคิดเป็นจำนวน 141.25 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม (Rights Offering)
สำหรับการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินระดมทุนไปลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ประกอบไปด้วย กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารโรงงานจำนวน 40 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสหกรรมอมตะซิตี้ จำนวน 4 โรง, นิคมอุตสหกรรมอมตะนคร จำนวน 7 โรง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอน จำนวน 1 โรง, นิคมอุตสหกรมบ้านหว้า (ไฮเทค) จำนวน 14 โรง,เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จำนวน 6 โรง, นิคาอุตสาหกรรมปิ่นทอง จำนวน 2 โรง และสวนอุตสหกรรมโรจนะ จำนวน 6 โรง
นอกจากนี้ กองทุนรวมจะลงทุนในที่ดินและส่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งได้ปลูกสร้างแล้วเสร็จและปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นอาคารคลังสินค้า จำนวน 10 โรงซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ ไทคอนโลจีสติคส์พาร์คบางนา ของบริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด โดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินดังกล่าวจากบริษัท ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,950 ล้านบาท
นายศักดา มาณวพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) จะทำการจ่ายเงินปันผลของกองทุนดังกล่าวจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.183 บาท โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 3 ธันวาคม 2551เเละจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 นี้
นอกจากนี้ บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ เปิดถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 3 กันยายน 2551 ว่า กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140.921 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.18 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 12.966 ล้านบาทจากงวดเดียวกันในปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 กรกฏาคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 132.955 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.17 บาทต่อหุ้น
ขณะผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ณ วันที่ 1 มกราคม -30 กันยายน 2551 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 445.328 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 บาทต่อหุ้น ลดลงกว่า 517.447 ล้านบาท ในรอบ 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 962.775 ล้านบาท เเละคิดเป็นผลกำไรสุทธิที่ 1.21 บาทต่อหุ้น
สำหรับกองทุนQHPF มีนโยบายลงทุนในทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกโดยการซื้อ เช่า และ/หรือรับโอนสิทธิการเช่าในทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรก ดังนี้1. โครงการคิวเฮ้าส์ เพลินจิต 2. โครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี 3. โครงการเวฟ เพลส บริษัทจัดการจะดำเนินการให้กองทุนรวมเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกในรูปแบบการซื้อ เช่า และ/หรือการรับโอนสิทธิการเช่าจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกมีรายละเอียด เงื่อนไขและข้อตกลง โครงการทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกเป็นหนึ่งในโครงการอาคารสำนักงานชั้นนำของกรุงเทพมหานคร ทั้ง 3 โครงการอยู่ภายใต้การบริหารอาคารสำนักงานโดยบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ “คิวเฮ้าส์” หรือ “Q. House” (ยกเว้นโครงการเวฟ เพลส ไม่ได้ใช้แบรนด์ “คิวเฮ้าส์” หรือ “Q. House”) โดยอาคารสำนักงานแต่ละแห่งตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจและมีการคมนาคมที่สะดวก อาทิ ระบบคมนาคมสาธารณะ รวมถึงรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) และ/หรือรถไฟฟ้ามหานคร (MRT)รถแท็กซี่ และรถประจำทาง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิทั้งสิ้น 103,983 ตารางเมตรในระยะเวลา 12 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนครั้งแรกมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
TFUNDกำไรQ3กว่า141ล้าน
ก่อหน้านี้ นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 141.063 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2497 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 56.29 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม -30 กันยายน 2551 ที่มีผลกำไรสุทธิ อยู่ที่ 84.773 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ณ วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2551 ว่า กองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 526.475 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.2231 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 290.248 ล้านบาท ในรอบ 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรอบระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2550 โดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 236.227 ล้านบาท เเละคิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.6217 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ การดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 นั้นกองทุนมีรายได้รวม 436 ล้านบาทการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 526 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2550 ที่มีรายได้รวม 288 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 236 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น51% และ 123 % ตามลำดับนั้น มาจากรายได้ค่าเช่าและบริการ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.96 %เนื่องจาก กองทุนได้มีการเพิ่มทุนเพื่อซื้อที่ดินและอาคารโรงงานในระหว่างงวดเพิ่มขึ้น 46 โรงงานเป็น 130 โรงงาน
โดยกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท จากในระหว่างงวด กองทุนได้ขายอาคารโรงงานจำนวน 2 โรงงาน ขณะที่กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนทั้งสิ้น 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158 ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวดกองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินอิสระประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีพิจารณาจากรายได้ (Income approach) ซึ่งกองทุนได้ปรับมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหม่เป็น 6,055 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บลจ. บัวหลวงในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวม TFUND ได้ทำการเพิ่มทุนของกองทุน เมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 5,770.25 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหน่วยซึ่งบริษัทได้เห็นสมควรกำหนดให้มีการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 237 ล้านหน่วย ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10.25 บาท และจัดสรรหน่วยลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 59.60 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ หรือคิดเป็นจำนวน 141.25 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม (Rights Offering)
สำหรับการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินระดมทุนไปลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ประกอบไปด้วย กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารโรงงานจำนวน 40 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสหกรรมอมตะซิตี้ จำนวน 4 โรง, นิคมอุตสหกรรมอมตะนคร จำนวน 7 โรง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอน จำนวน 1 โรง, นิคมอุตสหกรมบ้านหว้า (ไฮเทค) จำนวน 14 โรง,เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จำนวน 6 โรง, นิคาอุตสาหกรรมปิ่นทอง จำนวน 2 โรง และสวนอุตสหกรรมโรจนะ จำนวน 6 โรง
นอกจากนี้ กองทุนรวมจะลงทุนในที่ดินและส่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งได้ปลูกสร้างแล้วเสร็จและปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นอาคารคลังสินค้า จำนวน 10 โรงซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ ไทคอนโลจีสติคส์พาร์คบางนา ของบริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด โดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินดังกล่าวจากบริษัท ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,950 ล้านบาท